ชาวไร่-สหภาพแรงงานยาสูบ โวย ศจย. ดันขึ้นภาษีบุหรี่ วอนรัฐเร่งแก้ปัญหา-เยียวยาก่อนสิ้นอาชีพ

วันที่ 2 มี.ค. นายสุธี ชวชาติ ประธานภาคีชาวไร่ยาสูบและนายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจังหวัดลำปาง กล่าวว่า จากการที่ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) แถลงข่าวห้ามกรมสรรพสามิตเลื่อนการขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% ที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 โดยอ้างว่าจะช่วยให้ลดการบริโภคยาสูบลงได้นั้น เป็นการมองประเด็นภาษียาสูบแต่เพียงด้านเดียว ทั้งที่ประเด็นนี้มีผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 50,000 ครัวเรือน

“พวกท่านจะมาห้ามกรมสรรพสามิตไม่ให้เลื่อนการขึ้นภาษีบุหรี่นั้นมันไม่ถูก พี่น้องเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 200,000 คน เดือดร้อนจากการขึ้นภาษีบุหรี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่างเป็นที่ประจักษ์และได้รับการกล่าวถึงในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรหลายต่อหลายครั้ง

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดมีชาวไร่ที่ปลูกใบยาสูบสายพันธุ์เบอร์เลย์ในจังหวัดสุโขทัยซึ่งขายใบยาให้การยาสูบฯ ทนความเดือดร้อนไม่ไหวจนผูกคอตายไปแล้ว ทิ้งลูกสาวสองคนไว้ไม่มีใครดูแล

ชีวิตชาวไร่ยาสูบมีความหมายไม่น้อยกว่าชีวิตคนอาชีพอื่น ท่านจะต้องให้เกิดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องชาวไร่ยาสูบอีกกี่ชีวิตถึงจะยอมเชื่อว่าพวกเราเดือดร้อนกันอย่างแสนสาหัส อยากวิงวอนรัฐบาล ทั้งกระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต อย่าซ้ำเติมความเดือดร้อนของพวกเราด้วยการขึ้นภาษีบุหรี่อีก

ตอนนี้ประเทศไทยก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราภาษียาสูบสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียอยู่แล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องรีบขึ้นภาษีบุหรี่ที่มีแต่จะตัดทางทำมาหากินของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกันในตอนนี้”

ด้าน นายคณุตม์ ฤทธิสอน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ กล่าวว่า การยาสูบฯ ต้องสูญเสียผลประกอบการไปกว่า 8,000 ล้านบาท หรือลดลงกว่าร้อยละ 90 ภายใน 1 ปีหลังจากขึ้นภาษีบุหรี่ไป 50% เมื่อปี 2560 จนถึงตอนนี้ไม่มีวี่แววที่สถานการณ์จะกลับไปดีเหมือนก่อน

พนักงานการยาสูบฯ เองก็ได้รับความเดือดร้อนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาวไร่ยาสูบ รายได้ภาษีราว 5,000 ล้านบาทที่ทาง ศจย. ประมาณการว่ารัฐสูญเสียไปจากการเลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% จากเดิม 1 ต.ค. 2562 เป็น 1 ต.ค. 2563 นั้นคงไม่อาจเทียบได้กับผลประกอบการของการยาสูบฯ ที่จะติดลบทันที รวมถึงรายได้ที่รัฐอาจสูญเสียซึ่งการประเมินของ ศจย. ไม่ได้คำนึงถึง

ตอนนี้ ยสท. ไม่ได้แค่ต้องแข่งขันกับบุหรี่นอกที่เสียภาษี แต่ยังต้องสู้กับบุหรี่หนีภาษีที่เข้ามามากขึ้น หากรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 40% จริงปีนี้ ยสท.จะมีผลประกอบการติดลบทันที และพนักงานรวมถึงชาวไร่ยาสูบในสังกัดทั้งหมดก็จะเดือดร้อนหนักกว่าเดิม ยังไม่รวมถึงรายได้ที่รัฐอาจสูญเสียจากการผู้สูบทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่หันไปสูบบหรี่ผิดกฎหมายมากขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผลการศึกษาของ ศจย. ยังไม่ได้คำนึงถึง หายนะกันทุกฝ่าย

ผมเห็นว่าการเลื่อนขึ้นภาษียาสูบอัตราใหม่ออกไปในปีนี้ อย่างน้อยก็ช่วยให้ ยสท. และลูกจ้างพนักงานยังมีลมหายใจต่อไปได้ ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาในปัจจุบันที่โรงงานหลายแห่งต่างปิดตัวลง ถือว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะขึ้นภาษี รัฐบาลควรยกเลิกการขึ้นภาษีแล้วหาทางออกที่จะก่อผลกระทบน้อยที่สุดสำหรับทุกฝ่าย น่าจะเหมาะสมกว่านายคณุตม์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน