วันที่ 26 พ.ค. พ.ต.ท.คะเเนน สมรักษ์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ฉลอง รับแจ้งเหตุรถบรรทุกผนังคอนกรีตสำเร็จรูปหล่นบนถนนทำให้จราจรติดขัด บริเวณแยกไฟแดง หน้าโรงเรียนบ้านฉลอง ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก หมู่ 6 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ที่เกิดเหตุพบรถพ่วง 22 ล้อ ทะเบียน 70-1215 ภูเก็ต จอดคาไฟแดง บริเวณพ่วงท้ายซึ่งบรรทุกแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจำนวน 7 แผ่น น้ำหนักรวมกว่า 20 ตัน หล่นบนถนนระเนระนาด จนรั้วกั้นริมถนนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้รถขาเข้า ต.ฉลอง ไม่สามารถผ่านได้ ทำให้การจราจรติดขัด จึงประสานไปยังเทศบาลตำบลฉลองเพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่เครื่องจักรเข้าขนย้าย
จากนั้นนายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ได้สั่งการให้นายศุภวัฒกัณฐ์ คุณลักษณ์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลฉลอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลตำบลฉลอง นำรถตรวจการและกรวยปิดกั้นการจราจร อำนวยควาสะดวกให้ทีมเครื่องจักรเข้าขนย้ายผนังคอนกรีตออกจากผิวจราจร ซึ่งการจราจรติดขัดยาวไปจนถึงทางเข้าหมู่บ้านนากก รวมหลายกิโลเมตร
จากการสอบถามนายสมบุญ พวงนุ่น อายุ 46 ปี คนขับรถทราบว่า ได้บรรทุกผนังคอนกรีตสำเร็จรูป มาจากบริษัทซึ่งอยู่ใน อ.ถลาง เพื่อนำไปภายส่งซอยยอดเสน่ห์ 2 ต.ฉลอง โดยเดินทางมาพร้อมกับผู้ช่วยอีก 1 คน แต่เมื่อมาถึงจุดดังกล่าวรถได้จอดติดไฟเเดง ซึ่งในจุดดังกล่าวเป็นทางโค้งมีการออกแบบให้ถนนเอียงรับโค้ง ตนก็รู้สึกว่ารถเอียงซ้ายกว่าปกติ จึงได้บอกให้ผู้ช่วยซึ่งนั่งข้างไปดู พบว่าผนังคอนกรีตเอียงเคลื่อนตัวมาใกล้ตก จึงให้ผู้ช่วยเปิดประตูรถลงไปบอกรถจยย.และรถยนต์ที่จอดรอไฟแดงอยู่ด้านข้างตัวรถให้รีบถอยออกไป เนื่องจากเกรงว่าแผ่นคอนกรีตจะตกใส่ โดยเมื่อรถหลายคันรีบขยับออกไปได้ไม่นาน แผ่นผนังคอนกรีตได้เอียงและเทลงบนถนน และกระทบราวรั้วกั้นคนเดินของเเขวงทางหลวงได้รับความเสียหาย ซึ่งนับว่าโชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายสำราญ นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง กล่าวว่า สำหรับถนนแยกไฟแดงดังกล่าวเป็นจุดที่มีความโค้ง จึงมีการออกแบบให้ถนนเอียงซ้ายรับโค้งตามมาตรฐานการออกแบบทางวิศวะกรรม เมื่อรถบรรทุกซึ่งบรรทุกสิ่งของขนาดใหญ่มาจอดจึงทำให้รถเอียงมากกว่าปกติ จึงเกิดการเทน้ำหนักไปข้างหนึ่งทันที เคราะห์ดีที่คนขับมีไหวพริบดีสั่งให้ออกจากด้านข้างทัน ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ทางเทศบาลจะนำเข้าที่ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง ว่าจะมีแนวทางป้องกันเหตุการในลักษณะดังกล่าวอย่างไรได้บ้าง
