ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำจ.ส.อ.ขัติพันธ์ บุตรสอน จ่าทหารสังกัดกอ.รมน.ที่โพสต์ข้อความเสียดดีคำขวัญประจำจังหวัด เข้าขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองขอขมาต่อชาวแม่ฮ่องสอน ส่วนคดีความเรื่องโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กนั้นเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ ในส่วนโทษทางทหารถูกลงโทษย้ายกลับต้นสังกัด ร.7 พัน.5 อ.ปาย และถูกกักบริเวณ 30 วันไปแล้ว

กรณี จ.ส.อ.ขัติพันธ์ บุตรสอน เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดแม่ฮ่องสอน โพสต์เฟซบุ๊กเปลี่ยนคำขวัญของ จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนเสียหาย จนมีคำสั่งย้ายจ.ส.อ.ขัติพันธ์ไปประจำ กอ.รมน.ภาค 3 ภายใน 24 ชั่วโมง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย จ.ส.อ.ขัติพันธ์ บุตรสอน นายทหารชั้นประทวน สังกัด กอ.รมน.จ.แม่ฮ่องสอน ปัจจุบันถูกย้ายไปประจำที่ค่ายโสณบัณฑิตย์ อ.ปาย เดินทางไปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้แก่ พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ บนวัดพระธาตุดอยกองมู จากนั้นเดินทางไปขอขมาต่อ ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และศาลเจ้าแก้วเมืองมา ศาลเจ้าหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน

นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การขอขมาดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเจ้าแก้วเมืองมา ท่านเข้าทรงร่างทรงเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา และกล่าวไว้ว่า เรื่องของจ่าขัติพันธ์ บุตรสอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจและให้อภัยแก่เขา แต่เขาจะต้องไปทำการขอขมาสักการะสิ่งศักดิ์ 3 แห่ง คือ พระธาตุเจดีย์บนวัดพระธาตุดอยกองมู, ศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก และ ศาลเจ้าแก้วเมืองมา จึงจะยกโทษให้ ตนจึงติดต่อไปยังจ.ส.อ.ขัติพันธ์ บุตรสอน ให้ดำเนินการขอขมาในวันนี้

ส่วนในเรื่องความผิดพลาดที่ผ่านมานั้น ตนไม่ติดใจและให้อภัยให้แก่จ.ส.อ.ขัติพันธ์ ส่วนในเรื่องคดีความตนได้ปรึกษากับ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เชียงใหม่ แล้ว ได้ความว่า เรื่องคดีของจ.ส.อ.ขัติพันธ์เป็นคดีความอาญา ที่ยอมความกันไม่ได้ คดีต้องเดินไปตามกระบวนการถูกผิดอยู่ที่ศาลจะพิพากษา

ด้าน จ.ส.อ.ขัติพันธ์ เปิดเผยว่า สิ่งที่ได้ทำลงไปนั้น เนื่องจากไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ชื่อเสียงของชาวแม่ฮ่องสอนต้องเสียหาย และตนขอกราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบขอโทษชาวแม่ฮ่องสอน ทุกท่าน ที่ได้กระทำผิดพลาดลงไป และหวังว่าคนเมืองแม่ฮ่องสอนจะให้อภัยแก่ตน ทั้งนี้ในเรื่องของต้นสังกัด ทางกองทัพภาคที่ 3 สั่งลงโทษตนด้วยการย้ายกลับต้นสังกัด ที่ค่ายโสณบัณฑิตย์ ร.7 พัน. 5 ที่อำเภอปาย และสั่งกักบริเวณไปแล้วจำนวน 30 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน