ศาลตัดสิน ประหารชีวิต ผู้ต้องหาฆ่าโหดนักเรียน ม.4

วันที่ 1 เม.ย. ศาลจังหวัดตรัง ออกนั่งบัลลังก์ที่ 8 พิจารณาคดีที่อัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องจำเลย คือ นายธีรยุทธ หรืออ้น สมสู่ อายุ 52 ปี ชาว ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ในข้อหาฆ่า พยายามฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็น และเร่งด่วนแก่พฤติการณ์

โดย นายธีรยุทธ ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นายธีรวัฒน์ (น้องนิว) บูรณ์ชะนะ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตรังจนเสียชีวิต และพยายามฆ่า นายรัชพล กลับจิตร อายุ 42 ปี ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันเพียงประมาณ 2-3 วัน แต่ นายรัชพล ได้รับบาดเจ็บ และวิ่งหนีเอาตัวรอดมาได้ เหตุเกิดคืนวันที่ 2 ธ.ค.61 บริเวณถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง

เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
เพิ่มเพื่อน

โดยมี นายอนันต์ -นางสอง บูรณ์ชะนะ พ่อแม่ของน้องนิว รวมทั้ง นายรัชพล ญาติพี่น้องเดินทางไปรับฟังอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งครอบครัวของผู้ต้องหา เดินทางไปติดตามรับฟังคดีด้วย

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้พิจารณาเชื่อมโยงคำให้การของหลายฝ่ายทั้งผู้เสีหาย รวมพยานต่างๆ แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดจริง และเป็นการกระทำอย่างโหดเหี้ยมกับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และยังเป็นเยาวชน มีครอบครัวและมีอนาคตที่ดี

จึงพิพากษาประหารชีวิต และให้จำเลย นายธีรยุทธ ชดเชยค่าเสียหายให้กับนายรัชพล เป็นจำนวนเงิน 7 แสนบาท ส่วนครอบครัวน้องนิว ศาลได้พิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 2 ล้าน 1 แสนบาท

หลังรับฟังคำตัดสินของศาล ด้านฝ่ายผู้เสียหายและครอบครัวต่างรู้สึกดีใจและพอใจกับคำตัดสินของศาลเป็นอย่างมาก โดย นายรัชพล กล่าวว่า ตนเองพอใจในคำตัดสินของศาล แต่คงเหลือ 2 คน ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง คือเพื่อนร่วมแก๊งของนายธีรยุทธ ที่ร่วมกันใช้อาวุธปืนไล่ยิงตนเองเข้าไปในสวนปาล์มน้ำมัน หลังจากที่ตนเองถูกกระสุนปืนของ นายธีรยุทธ เข้าที่ต้นแขนแล้ว และวิ่งหนี

แต่จังหวะที่ตนเองสะดุดล้มลง ยังหันไปมองคนที่ไล่ตนเองทั้ง 2 คน ซึ่งตะโกนไล่หลังมาพร้อมกับเสียงปืนว่า ฆ่ามันให้ตายๆ จนเองชัดว่าเป็นคนทั้ง 2 ราย แต่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าคำให้การของตนไม่น่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ เพราะตนมาให้การเพิ่มเติมหลังจากก่อเหตุมาแล้วประมาณ 1 เดือน และเกิดในเวลากลางคืน ทำให้แสงสว่างไม่เพียงพอ มองเห็นไม่ชัด ซึ่งตนเองยืนยันว่าตนเองเห็นชัดเจน แต่ที่ตนไม่กล้าให้การกับตำรวจในคืนเกิดเหตุ เป็นเพราะตนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกที่อยู่กับพ่อและแม่ของตน ที่เป็นอัมพฤกษ์ และแม่ก็ต้องช่วยใช้เครื่องหายใจ

ประกอบกับเพื่อนของนายธีรยุทธ มีภรรยาอยู่ใกล้บ้านพ่อของตน แต่ในส่วนของ นายธีรยุทธ (จำเลย) นั้นเป็นคนนอกพื้นที่ทั้งสามีภรรยา ตนจึงไม่กล้าบอกตำรวจเรื่องเพื่อนของนายธีรยุทธ ก่อเหตุด้วยในช่วงแรก แต่บอกความจริงตำรวจในภายหลัง เพราะทั้งคู่ไปข่มขู่ลูกตนเองบ่อยๆ จึงบอกกับตำรวจในภายหลัง เป็นผลทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง

นายรัชพล กล่าวอีกว่า มาถึงตอนนี้ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะตัดสินคดีนี้เสร็จสิ้น แต่ตนเองยังคงต้องระวังตัวเองต่อไป และยังอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองพยานต่อไป ตามคำแนะนำของชุดคุ้มครองพยาน เพื่อความปลอดภัย

ส่วนสภาพร่างกายตอนนี้แขนซ้ายข้างที่ถูกยิง ยังยกไม่ค่อยขึ้น อ่อนแรงใช้งานแทบไม่ได้เลย และถ้านั่งนานๆ จะรู้สึกเจ็บตั้งแต่มือขี้นไปจนถึงต้นคอ ขยำอะไรไม่ได้ เหมือนกับคนไม่มีแรง โดยหมอได้แนะนำให้ทำกายภาพที่บ้านเพื่อช่วยบำบัดอาการให้ดีขึ้น เนื่องจากตอนเกิดเหตุหมอบอกว่า เอ็นและมัดกล้ามเนื้อขาด ซึ่งหมอได้ต่อให้ แต่มีสภาพกลับมาได้แค่ประมาณ 70% เท่านั้น ส่วนลูก 3 คน ที่เรียนอยู่โรงเรียนเดิม ต้องย้ายลูกไปหาที่เรียนใหม่ เพราะยังถูกข่มขู่คุกคาม

ขณะที่ นายอนันต์ -นางสอง บูรณ์ชะนะ พ่อและแม่ของน้องนิว (ซึ่งเสียชีวิต) กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกพอใจในคำตัดสินครั้งนี้ และคุ้มค่าในการออกมาต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมมาอย่างยาวนานให้กับลูกชายของตน โดยเฉพาะการที่ศาลพิจารณาลงโทษประหารชีวิตจำเลยถือว่าคุ้มค่าที่รอคอยวันนี้ ทั้งนี้

ในส่วนที่ศาลสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวนั้น ตนเองและครอบครัวไม่อยากได้ แต่อยากได้ชีวิตลูกชายกลับคืนมากกว่า เพราะเราเลี้ยงลูกชายมาด้วยความรัก แต่ไม่นึกว่าจะต้องมาถูกฆ่าตายเช่นนี้ ส่วนหากฝ่ายจำเลยจะยื่นอุทธรณ์ก็เป็นสิทธิของเขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับสิ่งนั้น ส่วนอีก 2 คน ที่อัยการสั่งไม่ฟ้องก็ไม่เป็นไร คงปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมของตัวเขาเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นในคืนวันที่ 2 ธ.ค.61 หลังเกิดเหตุแม้พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุรอดชีวิตมาได้ และให้การยืนยันคนร่วมกระทำการ แต่ระยะเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ทางตำรวจก็จับคนร้ายไม่ได้ ทางครอบครัวต้องยื่นหนังสือติดตามคดีหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล และถูกสังคมตั้งคำถามว่าตำรวจให้ความช่วยเหลือมือปืน

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.62 ครอบครัวผู้เสียหายทั้ง 2 ราย จึงเดินทางไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผบ.ตร. (ขณะนั้น) เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า และถูกฝ่ายผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ใช้เส้นสายตำรวจ และผู้นำในพื้นที่ข่มขู่คุกคาม และให้ความช่วยเหลือ

จน พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาให้ได้ภายใน 15 วัน ปรากฏว่าผ่านมาได้ 7 วัน (คือ วันที่ 13 มิ.ย.62) เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุม นายธีรยุทธ จนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการศาล และศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินประหารชีวิตในวันนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน