จับแล้วตาโหด ฆ่าหลานชายวัย 11 ปี เปิดคำสารภาพปมแค้น อ้างว่าน้องตี้ตะโกนด่าทอตนเอง อีกทั้งยังนำสากกะเบือมาตีที่บริเวณศีรษะ จึงเกิดความโมโห
จากกรณีน้องตี้ อายุ 11 ปี ถูกนายวัน อายุ 49 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นตาเลี้ยง ก่อเหตุฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด โดยใช้อาวุธมีดหวดและฟันเข้าที่บริเวณท้ายทอย กลางศีรษะ ก่อนลากศพน้องตี้ไปทุบตีซ้ำแล้วนำหญ้ากลบทับศพอำพรางไว้ เหตุเกิดภายในป่าหญ้า ตอไม้แดง ม.2 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 เม.ย. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พล.ต.ต.ฐิติวัฒน สุริยะฉาย รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.ภ.จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.หนองขาม และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ศรีราชา นำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านร้าง ภายในซอยท่าเรือจรินทร์ ถ.เจิมจอมพล ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา
ก่อนเข้าควบคุมตัวนายวัน ขณะกำลังนอนหลับอยู่ และควบคุมไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.ศรีราชา โดยในขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างเคร่งเครียด ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
สอบสวนนายวัน ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เกิดมีปากเสียงกับยายของเด็กอย่างรุนแรง ประกอบกับลูกสาวและหลานต่างพากันขับไล่ตนออกจากบ้านหลังดังกล่าว จนตนต้องย้ายไปอาศัยอยู่ในเพิงพัก ใกล้บ้าน
ก่อนเกิดเหตุได้เดินออกมากรอกน้ำบริเวณหน้าปากซอย และระหว่างกำลังเดินกลับได้เจอน้องตี้ อ้างว่าน้องตี้ตะโกนด่าทอตนเอง อีกทั้งยังนำสากกระเบือมาตีที่บริเวณศีรษะ ตนจึงเกิดความโมโห คว้ามีดหวดและฟันเข้าที่บริเวณท้ายทอยและกลางศีรษะ หลังจากนั้นลากศพน้องตี้ไปทุบตีใบหน้าจนเขียวช้ำ ก่อนนำหญ้ากลบทับศพไว้ แล้วรีบหลบหนีออกมา จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว
เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนพบเห็นคนร้ายมาอยู่ได้ประมาณ 3 วัน เคยคุยกับคนร้ายครั้งเดียว ซึ่งคนร้ายก็บอกว่ารองาน มาหางานทำ ตนเองเห็นสภาพเหมือนคนอดข้าว จึงแนะนำให้ไปรับข้าวฟรีอยู่เลย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้ายลงมือฆ่าเด็กเช่นนี้ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ โดนชาวบ้านรุมกระทืบไปแล้ว
เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม โดยหลังจากนี้จะมีการพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ เพราะเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
