เกิดเพลิงไหม้เรือประมงเบ็ดราวทูน่า ของกลางกระทำผิด IUUที่จอดริมป่าชายเลนคลองท่าจีนเสียหาย เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 16 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เรือประมงเบ็ดราวทูน่าของกลาง ซึ่งจอดไว้ริมพื้นที่ป่าชายเลน ในคลองท่าจีน ใกล้ท่าเรือเอเชียมารีน่า ต.รัษฏา อ.เมืองภูเก็ต

หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลรัษฏา ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมด้วย นายอนุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ นายอำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฏา เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด

โดยจุดเกิดเหตุอยู่ภายในคลองท่าจีน ห่างจากท่าเรือเอเชียมารีน่าไปประมาณ 100 เมตร พบมีเรือประมงทูน่าขนาดใหญ่ หลายลำจอดเป็นกลุ่มอยู่บนฝั่งริมป่าชายเลน และมีเปลวไฟและกลุ่มควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากส่วนหัวเรือชื่อ SHUN LAI แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดับเพลิงได้

เนื่องจากอยู่ในลำคลอง และมีระยะห่างพอสมควร จึงต้องใช้เรือประมงพื้นบ้าน 2 ลำ และเรือยางจอดเรียงต่อกัน เพื่อลำเลียงสายดับเพลิง เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนเริ่มทำการฉีดสกัดไม่ให้ลุกลาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากการตรวจสอบพบบริเวณหัวเรือและภายในตัวเรือได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้เรือประมงทูน่าดังกล่าวเป็น 1 ใน 7 ของเรือประมงเบ็ดราวทูน่า ของกลางที่ถูกอายัดและดำเนินคดีในความผิด เกี่ยวกับการทำประมงผิดกฏหมาย หรือ IUU หลังจากที่เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2559 ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 หรือ ศรชล.เขต 3

พร้อมด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบพร้อมแจ้งทำการยึด เรือ 7 ลำ ประกอบด้วย เรือ YUTUNA NO.3, ABUBANT 1, ABUBANT 3, ABUBANT 6, ABUBANT 9, ABUBANT 12, SHUN LAI เนื่องจากพบพิรุธเกี่ยวกับทะเบียนเรือทั้ง 7 ลำเป็นเรือต่างประเทศ ที่ระบุเป็นสัญชาติโบลิเวีย และมีการแจ้งเข้ามาพร้อมกันในลักษณะผิดสังเกต

เนื่องจากเรือแต่ละลำมีเอกสารไม่เหมือนกัน และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้มีการตรวจสอบกับทางประเทศโบลิเวีย เพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนเรือ และต่อมา ทางโบลิเวียได้แจ้งว่า เรือทั้ง 7 ลำ ไม่ได้จดทะเบียนที่โบลิเวีย หรือได้รับใบอนุญาตทำการประมงของโบลิเวียแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เรือของกลางดังกล่าว สภาพก่อนถูกเพลิงไหม้นั้นเป็นตัวเรือเปล่า ไม่มีอุปกรณ์บนเรือ และโดยตัวเรือภายนอกเป็นเหล็กแต่ภายในตัวเรือเป็นไม้และไฟเบอร์ทำให้เกิดลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ซึ่งต้องประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน