วันที่ 6 พ.ค. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย นายบรรพต จันทรวงษ์ นายอำเภอกระทุ่มแบน, นายเย ยัน อ่าว ทูตแรงงานเมียนมา, ผู้แทนของกระทรวงแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งประกอบด้วย แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร, สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด, ประกันสังคมจังหวัด, จัดหางานจังหวัด และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจแรงงาน,ปกครองอำเภอกระทุ่มแบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่พบกับแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวรวม 75 ครัวเรือน หรือประมาณ 80 ชีวิต

เป็นแรงงานเมียนมาราวๆ 67 คน และแรงงานไทย 13 คน ซึ่งเป็นพนักงานและพักอาศัยอยู่ในหอพักของบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 5 ถนนเศรษฐกิจ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยทั้งหมดถูกเลิกจ้างงานอย่างไม่เป็นธรรม (ลอยแพ) เนื่องจากบริษัทปิดตัวลงอย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เหตุผลเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริหารงานของทางบริษัท ก่อนหน้าที่จะเกิดภาวะโควิด-19 แต่ได้พยายามที่จะพยุงมาจนสิ้นสุดการจ้างงาน ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยทั้งบริษัทและหอพักที่พนักงานพักอยู่ก็โดนตัดน้ำ ตัดไฟ ทำให้ต้องซื้อน้ำกินน้ำใช้และจุดเทียนไขแทนไฟฟ้า ส่วนเรื่องของอาหารก็ยังเป็นโชคดีที่พอจะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ในท้องที่ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารมาแจกให้บ้าง ซึ่งก็พอจะใช้ประทังชีวิตไปได้ในช่วงที่ยังพอมีความหวังว่าจะได้เงินชดเชยจากทางบริษัท

น.ส.กุสุมา ตั้งศรีทรัพย์ อายุ 34 ปี อดีตพนักงานบริษัทฯ เล่าว่า ตนและสามีเป็นพนักงานของโรงงานแห่งนี้ทำงานกันมานานเกือบ 10 ปี แต่ตนลาออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น เพราะต้องมาเลี้ยงลูกแต่ก็ยังคงขอเช่าพักอาศัยอยู่ที่หอพักของโรงงาน ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะทำเกี่ยวกับการประกอบรถประเภทต่างๆ ที่ใช้ในราชการ

โดยสัญญาณเตือนนั้นมีมาตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. เริ่มจากที่ทางบริษัทเอาเครื่องสแกนนิ้วออก ให้ใช้การเซ็นชื่อ แต่บางครั้งก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มารับเซ็นชื่อ และก็มีการสั่งยุบแผนกทำสี พอหลังจากนั้นก็มีการสั่งให้หยุดงานตั้งแต่วันที่ 1-15 เม.ย. เพราะไม่มีงานสั่งเข้ามา เมื่อเปิดงานวันที่ 16 เม.ย. พนักงานที่เข้ามาทำงานก็พบว่าที่บริษัทตัดน้ำ ตัดไฟหมดแล้ว และไม่มีการทำงานใดๆ หลายคนจึงทราบว่า พวกตนน่าจะโดนลอยแพแล้ว จึงได้มีการแจ้งไปยังหน่วยงานของกระทรวงแรงงานเพื่อร้องเรียนในสิ่งที่เกิดขึ้น

น.ส.กุสุมา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีการแจ้งว่าจะชดเชยเงินให้ โดยจะจ่ายให้กับพนักงานในช่วงเดือน มิ.ย. แต่ทุกคนก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินก้อนนี้จริง เพราะก่อนหน้านั้นบริษัทไม่ได้มีการส่งเงินประกันสังคมให้กับพนักงานมาตั้งแต่เดือน ม.ค. การจ่ายเงินเดือนก็ไม่ตรงเวลา จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้าง และครึ่งเดือนหลังในเดือน มี.ค. ก็จ่ายเงินให้ครึ่งหนึ่ง โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าด้วย

จึงทำให้ทุกคนยังไม่ยอมไปไหน เฝ้ารอความคืบหน้าและอาศัยอยู่ที่หอพักแม้ว่าจะไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยหลายคนกลัวว่า หากเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดก็จะโดนกักตัวถึง 14 วัน แล้วถ้าหากที่นี่มีอะไรเกิดขึ้น หรือนายจ้างยอมจ่ายเงินให้ ก็จะไม่สามารถเดินทางมาได้ ทุกคนจึงขออยู่ตรงนี้เพื่อทราบความชัดเจนและรอเงินชดเชยเพื่อนำกลับไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพใหม่ที่บ้านเกิด

ส่วนการใช้ชีวิตในทุกวันนี้ ก็ต้องซื้อน้ำมาดื่ม รวมถึงน้ำที่ใช้อาบกับชำระล้างสิ่งสกปรกก็ได้รับความช่วยเหลือจากทางเทศบาลคลองมะเดื่อ โดยจะเอามาใส่บ่อพักแล้วคนงานในหอก็มาตักไปใช้กัน ขณะที่ไฟฟ้านั้นก็ต้องใช้เทียนไขแทน การหุงหาอาหารก็กินกันแบบพอมีพอกินเท่าที่มีอยู่ ใช้เตาถ่านหรือเตาแก๊สหุงข้าว–ทำกับข้าวแทน

ส่วนที่นอนก็ยกลงมาข้างล่างเพราะไม่สามารถนอนในห้องได้เนื่องจากอากาศร้อนจัด แต่ก็ต้องทนกับยุงกัดกันบ้างด้วยด้านหลังอาคารมีคลองที่น้ำเน่าเสีย จึงทำให้มียุงชุกชุม ซึ่งความยากลำบากนี้ทำให้บางครอบครัวต้องส่งลูกหลานกลับไปอยู่กับญาติที่บ้านเกิดก่อน ส่วนพ่อแม่ก็ปักหลักรอเงินชดเชยจากทางบริษัทฯต่อไป

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือจากทางจังหวัดสมุทรสาครและทูตแรงงานเมียนมาในเบื้องต้นนี้ นอกจากจะเข้ามารับทราบปัญหาเพื่อเร่งรัดให้การช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการหาสถานที่ทำงานใหม่ การแจ้งเปลี่ยนนายจ้างในแรงงานต่างด้าวและการให้ลูกจ้างได้เข้าถึงสิทธิการช่วยเหลือต่างๆ อย่างเป็นธรรมแล้วนั้น ทางกาชาดจังหวัดสมุทรสาครก็ยังได้จัดชุดถุงยังชีพเข้ามามอบให้อีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน