หนุ่มใหญ่ โทรตามลูก-เมีย มาช่วย หลังสู้คู่อริไม่ไหว ลูกชายวัย 17 ชักปืนยิงอีกฝ่ายดับ ก่อนหลบหนี
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 พ.ค. ร.ต.อ.หญิงศิริภรณ์ ไทยนิยม รองสารวัตร(สอบสวน)สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต ภายในชุมชนริมคลองหัวหมากน้อย ถนนรามคำแหง 60 แยก 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียวทรัพย์ ผกก.สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเดินสะพานปูนพบศพนายเจา บุญท้วม อายุ 25 ปี สวมเสื้อสีเขียว คลุมทับด้วยเสื้อสีเทา กางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋าข้าง นอนหงายจมกองเลือด ตามร่างกายพบมีบาดแผลถูกยิงบริเวณท้ายทอย 1 นัด นอกจากนี้ยังพบยาไอซ์ 1 กรัม และยาบ้า 50 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของผู้ตาย จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายนาราม นาคราช อายุ 51 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเลิกงานแล้วไปนั่งดื่มสุราจากนั้นกำลังเดินกลับบ้าน เมื่อเจอกับนายเจา ผู้ตาย ที่พักอยู่ในชุมชนเดียวกัน เดินตรงมาหาและถามว่า “มึงจะเอายังไง” ก่อนที่ผู้ตายจะจับตนและพยายามจะทุ่มโยนลงน้ำ ตนจึงต่อสู้ชกต่อยกัน หลังจากนั้นตนจึงโทรไปหาภรรยา คือ น.ส.สายทอง สกุลนาค อายุ 49 ปี บอกว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาท
นายนาราม กล่าวต่อว่า ภรรยาตนจึงรีบวิ่งมาพร้อมลูกชาย อายุ 17 ปี เมื่อมาถึงลูกชายจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจากด้านหลัง แล้วหลบหนีไป ส่วนตนกับภรรยายืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ปกตินายนาราม เป็นคนชอบดื่มสุรา พอมีอาการเมา ชอบตะโกนโวยวาย และมีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุนายนาราม ได้เดินผ่านสะพานปูนท่าทางเหมือนคนเมาสุรา มาเจอกับผู้ตายพอดี ซึ่งทั้งคู่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน เมื่อมาเจอหน้ากันก็มีปากเสียงชกต่อยกันตรงนั้น แต่นายนารามมีอายุมากกว่าจึงสู้ไม่ไหว ก่อนโทรตามภรรยาและลูกชายมาช่วย เมื่อลูกชายมาถึง เห็นพ่อถูกทำร้ายอยู่ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายจนล้มลง ก่อนจะหลบหนีไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบปากคำนายนารามและภรรยา รวมถึงพยานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป