บุกรวบ 18มงกุฎ นำชายชุดดำบุกรุกคอนโดหรูกลางกรุง พบประวัติสุดแสบ หลอกลูกบิ๊กตำรวจ-ข้าราชการระดับสูงเพียบ ค้นห้องเจออุปกรณ์เสพยาเสพติด

วันที่ 12 พ.ค. พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.น.1 สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.ห้วยขวาง นำกำลังฝ่ายสืบสวนและป้องกันปราบปราม จับกุม นายออมสิน กลางสาทร อายุ 31 ปี และ นายสมโพธิ พิทักษา อายุ 39 ปี

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

โดยกล่าวหากับนายออมสินว่า “ร่วมกันบุกรุกเคหสถานฯ, ร่วมกันทําให้เสียทรัพย์ฯ, ร่วมกันมีวิทยุสื่อสารโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานตํารวจซึ่งสั่งการให้ทําการตรวจหรือทดสอบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่มีสารเสพติด ตามมาตรา 58/1 พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ”

และกล่าวหา นายสมโพธิ ว่า “ร่วมกันบุกรุกเคหสถานฯ, ร่วมกันทําให้เสียทรัพย์ฯ, ร่วมกันมีวิทยุสื่อสารโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมเตียงนอน 2 ชุด, อุปกรณ์การเสพยาไอซ์ 3 อัน, วิทยุสื่อสาร 6 เครื่อง และเสารับส่งสัญญาณ

พ.ต.อ.ภูริส กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า นายออมสินพร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนบุกรุกเข้าไปภายในห้องพักเป็นคอนโดมิเนียมหรู ย่านรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นห้องของผู้เสียหาย โดยนายออมสินมีพฤติกรรมใช้กลอุบายขอจองและตรวจสอบห้องพัก ก่อนทําสัญญา

เมื่อเข้าไปภายในห้องแล้วกลับไม่ยอมออกมา โดยมีการเปลี่ยนรหัสล็อกจากด้านในประตูห้องพัก เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้าไปในห้องได้ พร้อมทั้งนํากลุ่มชายฉกรรจ์ใส่ชุดดํามาร่วมพักอาศัย เพื่อข่มขู่ให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว และไม่กล้าติดตามค่าเช่าห้อง พร้อมทั้งใช้ห้องพักดังกล่าว เป็นสถานที่มั่วสุมยาเสพติด

พ.ต.อ.ภูริส กล่าวต่อว่า ตํารวจ สน.ห้วยขวาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิติบุคคลอาคาร และผู้เสียหาย จึงเข้าไปตรวจสอบห้องพักดังกล่าว พบผู้ต้องหาทั้งสองอยู่ภายในห้อง โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และแสดงความบริสุทธิ์ใจ และขอตรวจสอบเอกสารการเช่า

ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองไม่สามารถนํามาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้ พร้อมทั้งผู้เสียหายแสดงเอกสารกรรมสิทธิ์ในห้องพักดังกล่าว ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ จึงแจ้งให้ผู้ถูกจับทั้ง 2 คน ทราบว่าไม่มีสิทธิเข้าไปพักอาศัยอยู่ภายในห้องดังกล่าว จากนั้น ตรวจสอบภายในห้องพัก พบวิทยุสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมเสาวิทยุของกลางและพบอุปกรณ์เสพยา

จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่า ไม่ได้รับอนญุาตให้มีหรือใช้วิทยุโทรคมนาคม นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังยืนยันความเสียหายภายในห้องพักพบเตียงนอนภายในห้องถูกรื้อทำลายจนเสียหาย จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ภูริส กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนพบว่า นายออมสินมีพฤติกรรมเที่ยวกลางคืน ใช้เงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้อื่นให้ร่วมลงทุนว่ามีผลตอบแทนสูง โดยเลือกจับเหยื่อและตีสนิทตามสถานบริการเกรดเอ ยังเชื่อว่ามีผู้เสียหายที่ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของนายออมสิน และหลงเชื่อว่าเป็นเศรษฐี เจ้าของธุรกิจ นักธุรกิจ ทายาทที่ได้รับมรดกมหาศาล ตามภาพลักษณ์ที่นายออมสินใช้หลอกเหยื่อให้หลงเชื่อ ก่อนที่เหยื่อจะถูกยืมเงินหรือถูกหลอกให้เอาเงินมาฝากลงทุน ฯลฯ

นอกจากนี้ นายออมสินยังมีพฤติกรรมแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยมักขอถ่ายภาพคู่ เมื่อมีโอกาส และใช้แสดงให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีชาติตระกูลดี

พ.ต.อ.ภูริส กล่าวอีกว่า จากการสอบถามประวัติครอบครัวทราบว่า นายออมสินถูกเลี้ยงดูแบบตามใจ ไม่ชอบเรียนหนังสือ และมีการศึกษาเพียงชั้นป.4 โดยพบว่านายออมสินยังเคยถูกจับกุมดําเนินคดี และคดีอยู่ระหว่างพิจารณาอีกหลายคดี ดังนี้

เช่น เคยถูกจับกุมดําเนินคดี ข้อหา “ตัวการฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน” ที่ กก.5 บก.ปอศ., เคยถูกจับกุมดําเนินคดี ข้อหา “ปล้นทรัพย์” ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี, เคยถูกจับกุมดําเนินคดี ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ที่สน.โคกคราม และเคยถูกจับกุมดําเนินคดี ข้อหา “ครอบครองยาเสพติดเพื่อจําหน่ายฯ” ที่สน.ห้วยขวาง

รายงานข่าวจากชุดจับกุม เปิดเผยว่า สำหรับนายออมสินจะหลอกอุบายว่ามีโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ก่อนที่จะหลอกเอาเงินเหยื่อที่หลงเชื่อ บางคนเป็นลูกอดีตนายตำรวจระดับสูงที่เสียหาย นอกจากนี้ นายออมสินยังเข้าไปตีสนิทกับนายตำรวจระดับสูงและข้าราชการระดับสูงเพื่อขอถ่ายภาพก่อนจะเก็บภาพถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือเพื่อนำไปแอบอ้างหลอกผู้เสียหาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน