จากกรณีชาวบ้านชุมชนบ้านสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 200 คนฮือล้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของกลุ่มชาย 3 คน อ้างเป็นตำรวจ หลังมาจับกุม นายอรุชา บินมูซา อายุ 46 ปี พ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้าน และเรียกรับเงิน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ค.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ชาวบ้านฮือล้อมรถ อ้างตำรวจจับชาวประมง เรียกเงิน 5 ล้าน แลกไม่ดำเนินคดี

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ความคืบหน้าวันที่ 21 พ.ค. พล.ต.ท.จิรวัฒน์ ทิพยจันทร์ ผบช.ภ.8 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นาย มาปฏิบัติราชการที่ บช.ภ.8 จ.ภูเก็ต พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นไปตามที่มีการกล่าวอ้างก็จะมีความผิด โดยจะมีการดำเนินคดีทางวินัยและอาญา

การเข้าไปในพื้นที่ของตำรวจทั้ง 3 นายเป็นการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวนคิดตามปกติทั่วไป ส่วนการไปจับกุมชาวประมงพื้นบ้านรายดังกล่าว เป็นการเข้มงวดกวดขันตามนโยบายของผู้ว่าฯ จ.สุราษฎร์ธานี ในการให้ประชาชนไปจับหอยแครงได้ในระยะ 1,000 เมตรจากฝั่ง โดยใช้มือหรือตะแกรง แต่หากมีการใช้คราดจะเป็นเรื่องของเรือประมงซึ่งเป็นความผิด และเป็นความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งมีอาชีพเก็บลูกหอย นอกจากนี้ยังเป็นการลดโอกาสของคนกลางที่จะมากว้านซื้อลูกหอยไปขายให้กับผู้เลี้ยงหอยแครง เบื้องต้นเป็นการจับกุมในตลาดชุมชน

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวการอ้างว่า การเรียกรับเงินนั้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก พล.ต.ท.จิรวัฒน์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และข้อเท็จจริงต่างๆ ก็จะปรากฏตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่มีการอ้างว่าตำรวจทั้ง 3 นาย เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลนั้น จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน หากเกี่ยวเนื่องกับเรื่องใดก็ดำเนินการไปตามกรณี

วันเดียวกันที่ พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังจากนำชายทั้ง 3 คนเดินทางมาที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ ตรวจสอบพบว่าเป็นตำรวจจริง สังกัดกอง บก.สส.ภ.8 โดยอ้างว่า เข้าไปจับกุมการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการประมง ซึ่งยังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความ จึงต้องปล่อยตัวตำรวจทั้ง 3 นายไป

ด้าน พล.ต.ต.ภิญโญ หวลกสินธุ์ ผบก.สส.ภ.8 กล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์จากตำรวจท้องที่โดยจะเรียกตัวตำรวจทั้ง 3 นายมาสอบถามข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่าทาง บช.ภ.8 มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นาย ไปประจำที่ ศปก.ภ.8 ที่ จ.ภูเก็ต และให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจิรง ส่วนความผิดทางอาญาใช้อาวุธปืนจ่อกรรโชกทรัพย์ทราบว่ายังไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี

ทางด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในพื้นที่เขตอนุรักษ์ 1,000 เมตรจากแนวชายฝั่งเป็นพื้นที่ที่ทางจังหวัดสงวนไว้สำหรับทำการประมงพื้นบ้าน ให้ทำการประมงแบบธรรมชาติพื้นบ้าน คือ งมด้วยมือหรือตะแกรงได้ ห้ามใช้เครื่องมือคราดหอยแครง ตามประกาศของคณะกรรมการประมงจังหวัดเมื่อปี 2560 ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อนุญาตให้เลี้ยงหอยได้ในพื้นที่บางอำเภอ ได้แก่ อ.ไชยา , ท่าฉาง , กาญจนดิษฐ์ ,ดอนสัก และอ.เกาะสมุย ส่วนพื้นที่ไม่มีการอนุญาตให้เลี้ยงหอย ได้แก่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ อ.พุนพิน โดยการซื้อขายลูกหอยแครงที่ของประมงพื้นบ้านจับมาได้ย่อมกระทำได้ไม่เป็นการทำผิดกฎหมาย

รายงานข่าวชาวประมงพื้นบ้านแจ้งว่า เหตุการณ์ลุกฮือล้อมดังกล่าวเพราะทนไม่ได้ที่ถูกกดขี่เข้าไปงมจับหอยในเขตที่ทางจังหวัดอนุญาต แต่ต้องจ่ายเงินเหมือนเป็นค่าคุ้มครองให้กลุ่มบุคคลในเขต อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนและเมื่อจับหอยมาได้แล้วนำมาขายให้พ่อค้า กลับมีคนของกลุ่มนี้มาจับกุมอ้างว่าทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเท่ากับเสียทั้งเงินเสียทั้งของและที่ผ่านมาไม่มีการจับกุมกลุ่มเรือคราดหอยของกลุ่มนายทุนที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายได้ เพราะมีการส่งข่าวให้รู้ตัวแม้แต่การให้รื้อหลักไม้ไผ่ในเขตอนุรักษ์มีความพยายามยืดเยื้อถ่วงเวลาจน นายวิชวุทย์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ต้องสั่งส่งกำลังลงพื้นที่ให้รื้อถอนด้วยตัวเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน