พนักงานเดลิเวอร์รี่ โวย ห้างดัง บังคับให้ถอดชุดก่อนเข้า ชี้ เหมือนแบ่งชนชั้นทางสังคม ห้างอ้างลูกค้าร้องเรียน ปล่อยให้พนักงานเดลิเวอร์รี่ปะปนลูกค้า

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 28 พ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากพนักงานส่งอาหารเดลิเวอร์รี่ ว่าเกิดความสงสัยกับมาตราการของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในย่านพัทยาเหนือ ที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยสั่งห้ามไม่ให้สวมชุดเครื่องแบบพนักงานประจำค่ายเดลิเวอร์รี่ต่างๆ เข้าไปภายในตัวศูนย์การค้า สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก และได้มีการบันทึกคลิปแล้วนำไปโพสต์ลงเฟสบุ๊ก เพื่อหาคำตอบของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

สอบถาม น.ส.วันวิสาข์ พละกาบ อายุ 23 ปี พนักงานส่งอาหารเดริเวอร์รี่ของข่ายแกร็บ เล่าว่าในการทำงานของพนักงาน จะต้องมีการถ่ายภาพเสื้อคู่กับสินค้าส่งให้กับลูกค้าตรวจสอบ หากเป็นชุดที่ไม่ใช่ของทางบริษัทก็จะส่งงานไม่ได้ ซึ่งชุดที่สวมใส่นั่นก็ซื้อมาในราคาชุดละ 300 บาท แต่กลับมาถูกทางห้างจำกัดการแต่งกาย

โดยเหตุการณ์ที่ตนเองเจอนั้นคือ ทางพนักงานรักษาความปลอดภัยสั่งให้ถอดเสื้อผ้าที่มีตราของบริษัทออก โดยให้เหตุผลเพียงว่าเบื้องบนสั่งมา ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นผู้หญิงคิดว่ามันไม่เหมาะสมเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งทางบริษัทและทางห้างก็ไม่มีการออกมาแจ้งก่อนมาแจ้งเมื่อเดินทางมาถึงหน้าประตูทางเข้าแล้ว นอกจากตนเองก็มีอีกหลายคนที่ประสบปัญหาเช่นนี้และได้นำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์

ต่อมานายณรงค์ศักดิ์ สุขสงวน 30 ปี ได้เปิดเผยอีกว่า กลุ่มผู้ส่งอาหารเดลิเวอร์ก็จะมารอรับออเดอร์กันในห้างโดยปกติแล้วก็จะสวมแจ็กเก็ตเข้าไปแจ้งรหัสสินค้าแล้วก็รับสินค้าจากร้านค้า หรือในกรณีที่บุคคลภายในห้างสั่งของจากร้านค้าด้านนอก ทางพนักงานส่งก็ไปรับแล้วนำเข้าไปส่งภายในห้าง ซึ่งในเป็นในช่วงก่อนมีโรคระบาดโควิด 19 ในช่วงที่ห้างปิด แต่ร้านจำหน่ายอาหารปิดก็จะมีพนักงานส่งอาหารเข้าไปรับได้ทำให้เกิดรายได้เหมือนเดิม กระทั่งมีการผ่อนผันให้เปิดห้างได้ กลับมีการแจ้งไม่ให้พนักงานเดลิเวอร์รี่สวมแจ็กเก็ตหรือเสื้อที่มีโลโก้เดลิเวอร์รี่เข้าห้าง ตนเองคิดว่าเกิดการแบ่งแยกขึ้นหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่าพนักงานส่งอาหารเดลิเวอร์รี่เป็นกลุ่มเสี่ยง ไปหลายที่ ไม่สามารถตรวจสอบได้

แต่จริงแล้วตนยืนยันว่าสามารถตรวจสอบได้จากประวัติการทำงาน ซึ่งห้างอื่นในพื้นที่เมืองพัทยาเข้าได้ทุกห้าง ผ่านจุดคัดกรอง มีการวัดไข้ มีเจลล้างมือ ลงชื่อเข้าออกเหมือนกัน บางห้างมีห้องแอร์ มีนำ้ดื่มไว้บริการ มีพนักงานของร้านต่างๆลงมารับออเดอร์ และนำสินค้ามาส่งให้ แต่ทางศูนการค้านี้ ไม่ให้เข้า ไม่มีการแจ้งล้างหน้าว่าให้พนักงานส่งอาหารเดริเวอร์รี่ไปรอรับของในจุดโหลดดิ้ง ซึ่งก่อนที่จะเกิดโรคระบาดนั้นมีการเข้าไปเดินเล่นตากแอร์บ้าง หลังจากเกิดโรคระบาดก็ไม่มีใครอยากเข้าไปเดินเล่น แต่งานในห้างเข้ามาหาทางพนักงานส่งก็ต้องรับงาน

ส่วนมุมมองของตนเองในเรื่องการให้ถอดชุดพนักงานเดลิเวอร์รี่นั้น ตนเองคิดว่าตนเองเป็นผู้ชายสามารถถอดได้ หากบางคนสวมใส่เสื้อกลามด้านในให้ถอดเดินเข้าห้าง ซึ่งพวกตนทำงานด้านนอก อากาศร้อนมีกลิ่นตัว มีเหงื่อมันเหมาะสมหรือไม่ ในส่วนของผู้หญิงนั้นแจ้งให้ถอดออกมันไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ตนเองคิดว่าเป็นการแบ่งชนชั้นกันเกินไป

นอกจากนี้ตนเองได้โทรสอบถามไปยังพนักงานของห้าง ยังได้รับการเปิดเผยว่ามีลูกค้าแจ้งว่าทำไมเปิดห้างแล้ว ยังปล่อยให้พนักงานเดลิเวอร์รี่ เข้าออกมางเดียวกันกับลูกค้าซึ่งอาจเกิดความไม่ปลอดภัย ทางห้างเลยมีนโยบายห้ามเข้า แต่เมื่อตนเองถอดแจ็กเก็ตแล้วถือเข้าไปกลับเข้าได้ ซึ่งมันไม่มีความแตกต่างกันเลย สร้างความงุนงงเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นสร้างความเลื่อมล้ำทางสังคมหรือไม่ เพราะทางห้างก็มีมาตราการป้องกันเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่กลับมีการจำกัดเครื่องแต่งกายในการเข้าใช้บริการร้านค้าด้านใน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน