ผู้จัดการแบงก์ธ.ก.ส.สาขาตราด แจงชัด ป้าวัย 50 อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาเกษตรกร 5,000 บาท รู้แล้วเงินถูกโอนเข้าบัญชีไหน
กรณี นางลัดดา สมบูรณ์ ชาวประมงคลองใหญ่ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตราด และเข้าพบนายนราธิป สุรรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาตราด อ้างว่าชื่อตัวเองถูกสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาเกษตรจำนวน 5,000 เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา นั้น
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. นางลัดดา สมบูรณ์ อายุ 50 ปี ชาวประมงคลองใหญ่ เดินทางมาเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เล่มใหม่ เพื่อรับเงินเยียวยาเกษตร 5,000 บาท หลังจากที่นายนราธิปไปตรวจสอบบัญชีนางลัดดา พบว่าเป็นเพียงการหลงลืมเท่านั้น ไม่มีใครสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาแต่ใด
นางลัดดา สมบูรณ์ เข้าพบนายนราธิป ผจก.แบงก์ธ.ก.ส.
นายนราธิป กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องแล้ว ได้ตรวจสอบชื่อนางลัดดา สมบูรณ์ และพบว่านางลัดดาเปิดบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาห้วยแถลงจริง เมื่อวันที่ 14 พ.ค.58 จึงให้ทางสาขาห้วยแถลง ส่งเอกสารการเปิดบัญชีทั้งหมดมาให้สาขาตราด เพื่อให้นางลัดดาตรวจสอบทั้งชื่อ ทั้งบัตรประชาชน รวมไปถึงลายมือเซ็นชื่อด้วย
เมื่อนางลัดดา ตรวจสอบแล้ว ก็ยอมรับว่าทั้งหมดเป็นของตนเองจริง แต่จำไม่ได้ว่าเคยเปิดบัญชีไว้ที่สาขา และไม่มีการสวมสิทธิ์รับเงินเยียวยาแต่อย่างใด แต่เกิดจากความเข้าใจผิดและลืมว่าเคยเปิดบัญชีไว้
“กระบวนการโอนเงินเยียวยาเกษตรกร 5,000 บาท จะเป็นกระบวนที่อำนวยความสะดวกให้กับเกษตรให้ได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้า ธกส.สาขาตราด มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นเกษตรกร และที่ผ่านมาหากมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรจากภาครัฐนั้น จะโอนเงินเข้าบัญชีธ.ก.ส.เพื่อง่ายต่อการจัดการ
ซึ่งนางลัดดาก็เป็นเกษตรกร ภาคประมงเช่นกัน และได้รับสิทธิ์เยียวยา 5,000 บาท อยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องไปลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และเงินก็โอนเข้าบัญชีที่นางลัดดา สมบูรณ์ ตามเคยเปิดไว้แล้วเมื่อปี 2558 ที่สาขาห้วยแถลง ตามอัตโนมัตินั้นเอง” ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาตราด กล่าว
ด้าน นางลัดดา กล่าวทั้งเสียงหัวเราะว่า ตนจำไม่ได้ว่าเคยเปิดบัญชีไว้ที่จังหวัดนครราชสีมา แต่ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยทำงานอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นจังหวัดตราด เป็นผู้ช่วยไต๋เรือประมงนานหลายปีแล้วที่จังหวัดตราด โดยลืมไปว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารไว้ที่จังหวัดนครราชสีมา
แต่เมื่อรัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือเงิน 5,000 บาท ตนเองจึงให้เพื่อนร่วมงานช่วยลงทะเบียนให้ แต่ปรากฎว่ากลับลงทะเบียนรับสิทธิ์ไม่ได้ แถมยังมีเงินโอนเข้าบัญชีแล้ว ทำให้ตนเองและญาติพี่น้องต่างตกใจ คิดว่าถูกสวมสิทธิ์รับเงินเยียว จึงนำหลักฐานทั้งหมด มาขอความชัดเจนกับธนาคารเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
และวันนี้ทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว ว่าไม่มีใครสวมสิทธิ์ตนเอง แต่เป็นเพียงการเข้าใจผิดและความหลงลืมของตัวเอง ซึ่งต้องขอบคุณทางธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาตราดที่ช่วยเหลือในเรื่องนี้
