สงสารพ่อเครียดไม่อยากมีชีวิตอยู่! สาวเปิดใจขาดส่งมือถือโดนยึดที่4ไร่ กลัว 11 ชีวิตไร้ที่ซุกหัวนอน
จากกรณี นางสุรีพร อายุ 38 ปี และครอบครัว เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก หลังขาดผ่อนโทรศัพท์มือถือ 16 งวด คงเหลือค้างชำระเป็นเงิน 26,928 บาทแล้วถูกร้านขายโทรศัพท์มือถือฟ้องร้อง ก่อนถูกกรมบังคับคดีนำที่ดิน 4 ไร่ไปขายทอดตลาด ทำให้ 3 ครอบครัว รวม 11 ชีวิตได้รับความเดือดร้อน
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 8 มิ.ย. กรมบังคับคดี ได้ออกหนังสือชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในการดำเนินการของสำนักงานบังคับคดี จังหวัดพิษณุโลก โดยระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการขายทอดตลาด มีผู้ซื้อได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วน และรับหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว โดยได้แจ้งให้นางสุรีพรและครอบครัว ทราบในทุกขั้นตอนตั้งแต่การยึดทรัพย์จนถึงการขายทอดตลาด ซึ่งทางนางสุรีพรและครอบครัวไม่ได้โต้แย้งการบังคับคดีแต่อย่างใด เพียงแต่นางสุรีพรและครอบครัว มีความประสงค์ที่จะขอซื้อทรัพย์ดังกล่าวคืนจากผู้ซื้อเท่านั้น ทั้งนี้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมบังคับคดียินดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือในการนัดหมาย ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันต่อไป
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักอัยการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เจ้าหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดอำเภอพรหมพิราม
และนายก อบต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม ร่วมกันเดินทางไปที่ บ้านเลขที่ 94/2 หมู่ 1 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับ นางสุรีพร และครอบครัว พร้อม นำหลักฐานจำนวนเงินเหลือหักจากค่าผ่อนมือถือ เป็นเงิน 472,000 มาให้ตรวจสอบและเซ็นรับทราบ
นางสุรีพร เปิดเผยว่า ยอมรับผิดทุกอย่าง เป็นหนี้เขาจริง ขาดส่งจริง แต่เพราะตอนนั้นไม่มีเงินจริงๆ จึงเมินเฉยเรื่อยมาจนมาถึงวันนี้ วันที่มรดกของครอบครัวชิ้นสุดท้ายคือที่ดิน 4 ไร่ โดนยึดนำไปขายทอดตลาดแล้ว แต่คาใจหากจะยึดจริงอยากให้ยึดในส่วนของตน บ้านของตนเพียงผู้เดียว ตนยอมรับได้ แต่ทำไมต้องไปยึดบ้านของพ่อซึ่งแก่มากแล้ว บ้านพี่ชายซึ่งมีภรรยาเป็นผู้พิการ และบ้านหลังนั้นยังเป็นบ้าน สสวท. ตามโครงการสมเด็จพระเทพฯ ที่สร้างให้คนผู้พิการ ทำไมไม่ยึดที่บ้านของตนเพียงคนเดียว
” ตอนนี้เครียดมากที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน ร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นหน้าพ่อ เพราะพ่อแก่มากแล้วเขาเครียดมาก ถึงขั้นเอ่ยปากว่าหากไม่มีที่ ไม่มีบ้านอยู่พ่อก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม สงสารพี่ชายและพี่สะใภ้ที่พิการ และหลานที่จะไม่มีบ้านอยู่ อยากจะวิงวอนขอความเห็นใจจากผู้ที่ประมูลที่ไปได้ในราคา 530,000 บาท เราพยายามติดต่อขอซื้อที่คืนในราคาที่แตกต่างไม่มากนัก แต่ถ้าขายคืนให้แต่ขายในราคา 1.6 ล้านบาท บอกตรงๆว่าไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนมากมายขนาดนั้น อยากขอความเห็นใจช่วยลดราคาลงมา เพื่อให้ได้พอมีกำลังในการซื้อคืนด้วย วันนี้เจ้าหน้าที่นำหลักฐานจำนวนเงินเหลือหักค่าผ่อนมือถือ เป็นเงินประมาณ 472,000 มาให้ตรวจสอบและเซ็นรับ แต่ทั้ง 3 ครอบครัวไมมีใครกล้าเซ็น เนื่องไม่รู้จะเจออะไรอีกทั้งไม่ยากได้เงิน แต่อยากได้ที่ดินและบ้านคืนเท่านั้น
อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนที่เป็นหนี้ อย่าคิดว่าเป็นหนี้ แล้วเพิกเฉยไม่จ่ายก็แค่ถูกฟ้องล้มละลายหรือติดแบล็คลิสต์เคดิสบูโรเหมือนเรา ความจริงมันไม่ใช่เลยคดีมันหนักหนาสาหัสมาก ใครที่เป็นหนี้อยู่ตอนนี้อยากให้ไปคุยกับเจ้าหนี้ไปขอไกล่เกลี่ยและชดใช้คืนในเจ้าหนี้ซะ อย่าให้เหมือนเราที่เป็นหนี้เพียง 37,000 แต่กลับถูกยึดที่พร้อมบ้านในราคาถึง 530,000 บาท จากนี้ 11 ชีวิต ที่มีทั้งคนแก่ คนพิการ และเด็ก ยังไม่รู้จะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน หากต้องโดนไล่ออกจากบ้านจริงๆ “
