ขนลุก!แม่ย่าตะเคียนทองอายุร้อยปี ประทับร่างสาวแก้บน ทำท่าคลายคนแก่ กินหมากพลู นอนกระดิกเท้าฟังเพลง ฮือฮาให้หวยถูกหลายงวด เผยตำนานสุดเฮี้ยน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ศาลแม่หญิงทับแก้ว กุมารทองอินทนินท์ มีต้นตะเคียนทองขนาดใหญ่ 3 ต้น อายุหลายร้อยปี อยู่ด้านหลังวัดช่องลม พระอารามหลวง เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ที่นางกฐิลา รอดเรืองคุณ อายุ 45 ปี และนางน้ำผึ้ง รอดเรือนคุณ อายุ 42 ปี ครอบครัวและญาติพี่น้อง ร่วมถึงชาวบ้านกว่า 30 คน นำละครชาตรีจากวาสนา นาฏศิลป์ มารำแก้บน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

พร้อมนำอาหารคาวหวานมาถวาย นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป สวดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่หญิงทับแก้ว และกุมารทองอินนนท์ เพื่อเป็นการแก้บน หลังจากนางน้ำผึ้ง นางกฐิลา และชาวบ้านได้รับโชคถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายงวดติดต่อกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลดังกล่าวชาวบ้านในพื้นที่และนอกพื้นที่ เชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปู่ดำ แม่ย่าตะเคียนทอง และกุมารทองอินทนินท์ สิงสถิตอยู่ที่ศาลดังกล่าว ว่ากันว่าศาลนี้จะให้โชคลาภลูกหลานอยู่ดีกินดีตลอดมา

ศาลแม่หญิงทับแก้ว กุมารทองอินทนินท์ เป็นศาลที่ทางวัดช่องลมสร้างขึ้นให้ชาวบ้านกราบไหว้บูชา หลังจากตัดต้นตะเคียนทองที่มีอายุหลายร้ายปี เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 คนโอบ ที่ยืนต้นตาย นำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร “หลวงพ่อแก่นจันทน์” พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งแกะเป็นองค์จำลองจริงสูง 2.32 เมตร ตั้งประดิษฐานไว้ในโบสถ์วัดช่องลมให้ประชาชนกราบไหว้บูชา เป็นสิริมงคล

ส่วนตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของต้นตะเคียนทองนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่อาศัยบริเวณรอบวัดรู้ดีถึงเรื่องปาฏิหาริย์ลี้ลับ และคำสาปอาถรรพ์ ของต้นตะเคียนทองคู่ท้ายวัด 3 ต้น แต่ยืนต้นตายถูกตัดไปสร้างพระองค์หลวงพ่อแก่นจันทร์ไป 1 ต้น เหลืออีก 2 ต้นใหญ่

นายสุพจน์ วิเชียรฉาย อายุ 61 ปี ครูภูมิปัญญาไทย โรงเรียนเทศบาล 2 วัดช่องลม กล่าวว่า ต้นตะเคียนทองเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับวัดช่องลมเป็นร้อยปี ส่วนที่ตัดมาแกะสลักเป็นหลวงพ่อแก่นจันทน์นั้น เนื่องจากมีคุณลักษณะเป็นสิริมงคลตรงตามหลัก 3 อย่างที่คนโบราณว่าไว้ 1.เป็นต้นตะเคียนทองคู่ 2.เกิดในวัด 3.เงาของต้นตะเคียนทองจะทอดลงไปในคลองเรียกว่า “ตะเคียนคุ้มครอง” ก่อนตัดเคยเกิดเหตุฟ้าผ่าใส่หลายครั้งแต่ไม่ตาย

จนเวลาผ่านมาหลายปีต้นตะเคียนยืนต้นตาย หรือเรียกว่า ตายพราย ตายได้ 8 เดือน และฟื้นขึ้นมาใหม่ เป็นแบบนี้มา 3 ครั้ง ทางวัดกำลังจะหาไม้มาแกะสลักเป็นหลวงพ่อแก่นจันทร์ หลวงพ่อวัดช่องลมจึงไปอธิษฐานบอกกล่าว และนิมิตตอบรับจากแม่ย่าตะเคียนทอง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “แม่หญิงทับแก้ว”

ในนิมิตของหลวงพ่อ แม่ย่าตะเคียนทองบอกว่า “ให้นำร่างต้นตะเคียนมาสร้างเป็นพระพุทธรูปได้เท่านั้น จะสละร่างให้ ห้ามนำร่างไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด” จากนั้นต้นตะเคียนก็ยืนต้นตายและไม่ฟื้นอีกเลย แต่ยังมีต้นตะเคียนทอง 2 ต้นในบริเวณใกล้กัน หลวงพ่อวัดช่องลมจึงทำพิธีตั้งศาลให้

ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์ลี้ลับของต้นตะเคียนทองคู่นั้น ผู้เฒ่าผู้แก่จะรู้ดีว่าท่านมีความเฮี้ยน และความดุมากกับคนที่ไม่ดี แต่คนที่ประพฤติดีท่านจะค่อยช่วยเหลือคุ้มครอง ซึ่งก่อนหน้านี้ช่างที่มาแกะสลักต้นตะเคียน ตนบอกให้จุดธูปบอกก่อน แต่ช่างไม่ยอมจุดธูปบอกก่อนลงมือทำ พอช่างนำเลื่อยวงเดือนไปแตะต้นตะเคียนเท่านั้น เลื่อยกับกระเด้งใส่กลับมาที่แขนของช่าง ทำให้แขนของช่างเกือบขาด และช่างคนนั้นก็หนีหายไป

ทางวัดจึงให้พระและเด็กวัดช่วยกันแกะสลักจนปี 52 จึงแล้วเสร็จ ซึ่งในปีนั้นเองแม่ยายตะเคียนทองให้โชคลาภกับคนที่มาเข้าร่วมพิธีปลุกเสก บางคนถูกเลขได้เงินเป็นล้านบาท และถูกหลายงวดติดๆกัน

น.ส.สุรีย์รัตน์ เพ็งอุดม อายุ 31 ปี เล่าว่า บ้านตนอยู่ใกล้ต้นตะเคียนทอง เห็นมาตั้งแต่เกิด ทางวัดให้ทหารมาตัดไปและสร้างศาลให้ ทุกวันก่อนวันหวยออก จะมีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่มาขอเลขกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ถูกเลขกันทุกงวด โดยเฉพาะที่บ้านของตนจะถูกสลากกินแบ่งทุกงวด แม้งวดที่ผ่านมาตนก็ถูก

ส่วนบางคนที่มาขอเรื่องอื่น ๆ ก็ได้สมดังหวัง บางคนถูกเยอะจนเจ้ามือไม่รับ คนที่จะมาขอโชคลาภ จะรู้จากการมากราบไหว้สักการะหลวงพ่อแก่นจันทร์ ภายในวัดช่องลม และจะแวะเข้ามากราบไหว้ขอโชคลาภที่ศาลต้นตะเคียน พอถูกจึงกลับมาแก้บนและขอเลขใหม่ ตนกล้ายืนยัน เพราะที่บ้านถูกเลขแทบทุกงวด

ส่วนประวัติของต้นตะเคียน ตั้งแต่ช่วงทำคลองมีการตัดกิ่งแค่กิ่งเดียว ไม่ได้จุดธูปบอกกล่าว ทำให้ปั้นจั่นตอกเสาเข็มล้มทับขาคนงานจนบาดเจ็บถึง 2 ครั้ง แต่ปั้นจั่นกลับไม่ล้มทับบ้านที่อยู่แถวนั้น จนผู้รับเหมาต้องไปจุดธูปขอขมา ต้นตะเคียนมีขนาดใหญ่มาก มีกิ่งยื่นข้ามคลองอยู่เหนือหลังคาบ้านหลายหลัง รวมทั้งบ้านตนด้วย แต่ช่วงที่ตัด บ้านทุกหลังไม่ได้รับความเสียหายเลย หลังต้นตะเคียนตัดไป ท่านอนุญาตให้นำไปแกะสลักเป็นพระพุทธรูปเท่านั้น ห้ามนำไปทำอย่างอื่น

แต่มีพระภายในวัดช่องลม นำไม้ที่เหลือไปทำเป็นเตียง และโต๊ะ ทำให้พระองค์นั้นลุกเดินไม่ได้ไปเป็นเดือน จนต้องไปขอขมา จึงค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งไม้ที่เหลือทุกวันนี้ไม่มีใครกล้านำไปทำอะไร และยังเคยมีคนมาลองดีที่ศาลแห่งนี้ จนเจอดีไปหลายคน

บางคนถึงขนาดต้องนั่งรถเข็นมาขอขมาก็มี ส่วนคนที่คิดไม่ดีพอผ่านศาลจะเจอแม่ย่าตะเคียนยืนชี้หน้าบ้าง บางครั้งเจอเด็กเดินหายเข้าไปในศาลบ้าง ยอมรับว่าชาวบ้านทุกคนในละแวกนี้และครูคุณในโรงเรียนวัดช่องลม ให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเข้าพิธีแก้บน ปรากฏสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับ นางน้ำผึ้ง รอดเรือนคุณ หนึ่งในผู้มาแก้บน เกิดอาการแปลกๆ โดยเสียงเริ่มเปลี่ยนไป พูดจาและทำท่าทางเหมือนยายแก่ พร้อมกับลุกขึ้นเข้าไปนั่งและนอนอยู่ภายในศาลดื้อๆ ทำให้ชาวบ้านและนางรำพร้อมผู้มาเข้าร่วมพิธีต่างพากันตกใจ และอึ้งกันไปตามๆ กัน

นางน้ำผึ้งยังมีอาการแปลกๆ เช่นบอกให้ละครรำที่มาแสดงแก้บน ร้องดังๆ เพราะไม่ได้ยิน พร้อมกับกินหมากพูล และนอนกระดิกเท้า เอามือตบขา เหมือนคนนอนฟังเพลงสบายใจ ทำให้ชาวบ้านทุกคนที่มาร่วมพิธีเชื่อว่า แม่ย่าตะเคียนทอง หรือแม่หญิงทับแก้ว มาเข้าประทับร่างนางน้ำผึ้ง เพื่อรับของเซ่นไหว้แก้บน และมาดูละครรำแก้บน

หลังจากนั้นผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง นางน้ำผึ้งจึงมีอาการแปลกๆ อีกครั้ง จากเสียงยายแก่มาเป็นเสียงเด็ก และมีลักษณะอาการคล้ายเด็ก ร้องขอกินน้ำส้มและขนมหวาน พร้อมกับบอกชาวบ้านที่เข้าไปมุ่งดูว่า อยากได้ ‘อัฐ’ หรือเงินเหรียญ พอมีคนเอาแบงค์ใส่ในกระเป๋าให้ เหมือนร่างนางน้ำผึ้ง ที่กลายเป็นเด็กกลับไม่ค่อยชอบใจ แต่พอได้เหรียญใส่ในกระเป๋า ทำให้ร่างนางน้ำผึ้ง ดีใจคล้ายกับเด็กได้ของเล่น พร้อมพูดด้วยเสียงเด็กว่า ‘มีอัฐเต็มเลย’ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า คราวนี้เป็นร่างของ”กุมารทองอินทนินท์” มาเข้าร่างนางน้ำผึ้ง เพื่อรับของเซ่นไหว้แก้บน

ผู้สื่อข่าวจึงแกล้งนำเหรียญไปใส่ให้ในกระเป๋า พร้อมกับบอกร่างนางน้ำผึ้ง ที่ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นกุมารทองอินทนินท์มาเข้าประทับร่าง ให้บอกเลขหรือให้หยิบไม้เซียมซีให้หน่อย แต่กลับได้รับคำตอบว่า “บอกไม่ได้ หยิบไม่ได้ เดียวแม่ดุเอา” พร้อมกับก้มลงไปคาบไม้เซียมซีขึ้นมา มีเลข 5 เลข 2 และ 10 เมื่อชาวบ้านเห็นตัวเลขต่างพากันส่งเสียงเฮ

จากนั้นนางน้ำผึ้ง นิ่งเงียบไปสักพักพอชาวบ้านเขย่าตัวนางน้ำผึ้ง กลับกลายเป็นลักษณะคล้ายชายแก่ และมีเสียงเหมือนชายแก่ด้วย พร้อมบอกกับชาวบ้านด้วยน้ำเสียงชายแก่ว่า ให้นำยาสูบมาให้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น “พ่อปู่ดำ” มาเข้าร่างเพื่อรับของแก้บน

ทั้งๆ ที่นางกฐิลาซึ่งเป็นพี่สาวของนางน้ำผึ้ง บอกกับทางผู้สื่อข่าวว่า นางน้ำผึ้งสูบยาและกินหมากพลูไม่เป็น และไม่ชอบกินน้ำส้มกับขนมหวานด้วย เพราะกลัวอ้วน แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นกลับทำให้ทุกคนแปลกใจและชวนสงสัยเป็นอย่างมาก ซึ่งนางน้ำผึ้งมีอาการดังกล่าวกว่า 1 ชั่วโมง จนนิ่งเงียบหายไป พอรู้สึกตัวก็มีอาการเหมือนคนเหนื่อยเพลีย จำอะไรไม่ได้

หลังจากนางน้ำผึ้ง ได้สติทางผู้สื่อข่าวจึงได้ลองสอบถาม ได้รับคำตอบว่า ตนจำอะไรไม่ได้ เท่าที่จำได้กำลังนั่งรอดูรำละครถวายแก้บน แต่ก็ไม่เห็นเขาจะรำละครสักที จนเหมือนตนหลับไปพอรู้ตัวอีกทีคนมางานเขากลับไปไหนกันหมดแล้ว ช่วงเวลาชั่วโมงกว่าตนไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น จะรู้อย่างเดียวในตอนนี้ตัวเองมีแต่กลิ่นยาสูบกับกลิ่นหมากเต็มปากไปหมด ตนยอมรับว่าถูกหวยบ่อยเรียกได้ว่าเกือบทุกงวด

ส่วนใหญ่จะได้เลขจากการขอเลขเซียมซี บางครั้งขอแล้วมีเลขขึ้นมาในหัวเฉยๆเลย พอไปซื้อก็ถูก โดยเฉพาะคนที่ดูแลศาลถูกเกือบทุกงวด ซึ่งวันนี้ได้ร่วมกับคนที่เคยมาขอโชคลาภที่ศาลแห่งนี้ และถูกเลขกันจึงมาแก้บน แม่ย่าตะเคียนทอง หรือแม่หญิงทับแก้ว ต้องแก้ด้วยชุดไทย หมากพูล อาหารคาวหวาน แต่ที่ท่านชอบมากที่สุดคือ ละครรำชาตรี แม่ย่าตะเคียนทองจะชอบมาก

ส่วนกุมารทองอินทนินท์ แก้บนด้วย ของเล่น น้ำส้ม ขนมหวานทองหยิบ ทองหยอด แต่ถ้าขอกับพ่อปู่ดำ จะต้องแก้ด้วย ยาสูบ กับอาหารคาวหวาน ส่วนมากทุกคนจะขอกับแม่ย่าตะเคียนทอง และกุมารทองอินทนินท์ เพราะพ่อปู่ดำ จะไม่ชอบเรื่องเลขเรื่องหวย จะชอบเรื่องช่วยเหลือหรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งตนทราบมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน