ญาติคาใจไม่เผาหนุ่มผูกคอดับ จนกว่าจะเจอคนร้าย วอนตำรวจ ช่วยตามจับ พบพิรุธแผลกรีดรอบอัณฑะ อวัยวะเพศ รอบช้ำทั่วตัว เชื่อฝีมือแก๊งทวงหนี้โหด

กรณีเหตุพบผู้เสียชีวิตผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพัก ในต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ทราบชื่อคือนายยอดชาย (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยญาติติดใจในสาเหตุการตาย พบว่ามีลักษณะผิดปกติจากคนผู้คอทั่วไปเนื่องจาก มีเลือดไหลนองอาบลำตัวช่วงล่างและปลายเท้าอยู่ที่พื้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดสว่างมนาวาส บ้านเหมือดแอ่ ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลนายยอดชายผู้เสียชีวิต โดยพบว่าคนในครอบครัวผู้เสียชีวิตยังอยู่ในอาการโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นางยุพิน (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้านเพราะหนีเจ้าหนี้ไปต่างจังหวัด เนื่องจากกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ 10,000 บาท และกู้ให้เพื่อนอีก 2 คน จำนวน 70,000 บาท รวมเป็นเงิน 80,000 บาท ซึ่งเป็นชื่อของตนเองที่เป็นคนยืมทั้งหมด และต้องส่งคืนเป็นรายวันๆละ 4,000 บาท

ตอนยืมมาแรกๆ ก็มีเงินจ่าย เพราะรับจ้างตัดอ้อย ส่วนสามีก็รับจ้างทำงานก่อสร้าง แต่ช่วงโควิด-19 ไม่มีงาน จึงไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยและเงินกู้นอกระบบรายวัน ส่วนเพื่อน 2 คนเมื่อกู้เงินได้ ก็ไม่จ่ายและหลบหนีไป จึงต้องหาเงินมาจ่ายนายทุนเอง เมื่อไม่มีเงิน จึงไปหายืมเพื่อนมาจ่ายเงินกู้นอกระบบ ซึ่งการเดินทางไปที่ จ.บึงกาฬ ได้บอกกับสามีและลูกว่า จะไปเที่ยวและเยี่ยมเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าไปยืมเงิน สามีก็ไม่ได้ว่าอะไร

ส่วนลูกชาย 2 คน กำลังเรียนอยู่ คนโตอยู่ชั้นปวช.ปี 1 ลูกคนที่ 2 เรียนชั้น ป.1 เมื่อเดินทางถึงบึงกาฬเวลาประมาณ 5 โมงเย็น จึงโทรศัพท์หาลูกชายคนเล็ก ซึ่งทราบว่า เล่นอยู่บ้านเพื่อน ห่างจากบ้านตัวเองไม่ไกลจึงให้ลูกชาย ถือโทรศัพท์กลับบ้าน เพื่อจะคุยกับสามี แต่เมื่อลูกชายกลับถึงบ้านก็เข้าห้องนอนพ่อไม่ได้ เพราะห้องถูกล็อก จึงได้ให้ไปเรียกพี่ชายที่อยู่บ้านเพื่อนให้กลับบ้านมาเพื่อตรวจสอบ

ต่าอมาลูกคนโตกลับถึงบ้าน จึงเข้าห้องนอนตัวเอง ปีนผนังห้องนอน ข้ามไปยังห้องของพ่อ เพื่อจะปลดล็อก ปรากฏว่าพบพ่อผูกคอตาย ลูกชายคนโตจึงให้น้องชายไปบอกญาติพี่น้อง เมื่อญาติพี่น้องมาดูศพต่างก็เชื่อกันว่าไม่ใช่การผูกคอตาย น่าจะเป็นการถูกฆาตกรรม เนื่องจากปลายเท้ายังอยู่ที่พื้น และมีเลือดไหลออกจากร่างกาย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ มาตรวจสอบ

นางยุพิน กล่าวอีกว่า จากคำบอกเล่าของลูกชาย ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านทราบว่า สามีถูกของมีคมปาดที่อวัยวะเพศและลูกอัณฑะ หลายแผล เหมือนกับขลิบเพื่อทรมานผู้ตาย เป็นเหตุให้เลือดไหลมาที่ขา พร้อมทั้งตามร่างกายมีร่องรอยพกช้ำเหมือนถูกทำร้าย และทุกคนเชื่อว่า สามีถูกคนร้ายลักลอบเข้ามาในบ้านแล้วลงมือฆ่า จึงขอวอนตำรวจช่วยหาตัวคนที่ลงมือมาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่เช่นนั้น ครอบครัวจะยังไม่เผาศพ จนกว่าผลพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จะออกมา

ขณะที่นายประดิษฐ์ อายุ 58 ปี เพื่อนของผู้ตาย กล่าวว่า การตายของนายยอดชายในครั้งนี้ คนลงมือทำทุกอย่างเสมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเท่าที่ได้ยินเพื่อนบ้านพูดเล่าต่อกันว่า ทราบว่า ก่อนที่นายยอดชายจะเสียชีวิตนั้น ภรรยา หนีไปต่างจังหวัด มีคนเห็นชายฉกรรจ์ ขับรถยนต์มีทั้งรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ รถเก๋ง และรถกระบะแต่งซิ่ง มาเรียกหานางยุพิน ภรรยานายยอดชาย เพื่อจะเก็บหนี้เงินกู้นอกระบบ ซึ่งนางยุพินไม่อยู่ มีเพียงนายยอดชาย สามีอยู่ที่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่ เพราะการผูกคอตายในลักษณะเช่นนี้ ไม่น่าเป็นไปได้

“ชาวบ้านพากันติดใจ สงสัยการตายของนายยอดชายในครั้งนี้ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมคนร้ายที่ลงมือฆ่านายยอดชายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ผมเป็นคนที่เดินทางไปรับศพและเห็นบาดแผลของนายยอดชาย ซึ่งพบว่าลักษณะบาดแผลที่อวัยวะเพศเกิดจากของมีคมกรีดที่ปลายอวัยวะเพศและรอบอัณฑะ เหมือนจะทรมานผู้ตายก่อนจนผู้ตายเสียชีวิตแล้วนำร่างไปผูกกับเชือก ผูกติดกับขื่อบ้านในห้องนอนของผู้ตายเอง ผิดไปจากธรรมชาติของการฆ่าตัวตาย

เพราะหากเป็นการฆ่าตัวตายด้วยเชือกมือจะไม่กำ แขนจะตกข้างลำตัว แต่ผู้ตายมีลักษณะเกร็งเหมือนขัดขืน ทั้งนี้ก็ต้องรอผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะสามารถตอบคำถามนี้ได้ว่า เป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม แต่โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่านายยอดชายจะฆ่าตัวตาย จึงมั่นใจว่ามีคนฆ่าและเป็นคนนอกพื้นที่ เพราะในหมู่บ้าน นายยอดชายถือว่าเป็นคนที่นิสัยดีมาก ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับชาวบ้านแม้แต่คนเดียว ไม่ดื่มเหล้า ไม่มีนิสัยอันธพาล ทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ไม่เล่นการพนัน ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด” นายประดิษฐ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงของการลงพื้นที่นั้นมีชาวบ้านมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบในหมู่บ้านว่า มีทั้งหมด 13 ราย เป็นทั้งคนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจากจังหวัดนครราชสีมา ที่นำเงินมาปล่อยให้ชาวบ้านกู้ และเก็บดอกเบี้ยรายวัน

โดยแต่ละรายจะมีการทำงานทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือคนปล่อยเงิน คนเก็บเงิน และคนทวงหนี้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการสืบสวนจับกุม ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เน้นหนักในเรื่องดังกล่าวนี้ในช่วงที่ผ่านมา แต่วันนี้กลุ่มเหล่านี้กลับไม่เกรงกลัวกฎหมาย กระทำการอุกอาจท้าทายอำนาจรัฐอย่างมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน