เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ วิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของ จ.พัทลุง ที่จับส.ต.ต.ผบ.หมู่งานป้องกัน สภ.ยะหา จ.ยะลา ในข้อหามีอาวุธสงคราม ที่นายทะเบียนไม่สามารถให้มีอนุญาต โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกที่จุดตรวจท่ามิหรำ เขตเทศบาลเมือง จ.พัทลุง

ต่อมามีข้าราชการตำรวจระดับสูงรายหนึ่ง อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ ‘ส.ต.ต.’ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดดังกล่าว ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ และการปฏิบัติหน้าที่ ของตำรวจ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ระบุว่า “เป็นตำรวจ ปืนกับพระ อย่าห่างกาย” ท่านขุนพันธ์ กล่าวไว้ คุณเป็นถึงปลัดระดับจังหวัด ตั้งโครงการสวยหรู ปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืนสงคราม ระดมกำลังกวาดล้าง อลังการ ตั้งด่าน ถ้าใช้กำลังขนาดนั้นตั้งด่าน โจรคงเดินมาให้จับง่ายๆ หรอกนะ ผลก็คือ ปืนแก็ปสักกระบอก ยังจับไม่ได้ ยาบ้าสักเม็ด ก็จับไม่ได้ จับปืนโจรไม่ได้ ตำรวจลูกน้องผมขับรถผ่านมา จะเดินทางมาสามจังหวัดชายแดนใต้ เห็นปืนของทางราชการเอ็มโฟร์อยู่ในรถ คงอารามดีใจ จับปืนโจรไม่ได้ จับปืนตำรวจก็ยังดี

ตัดสินใจจับปืนตำรวจ บอกว่าพกพาเป็นอาวุธสงคราม ถ้าลูกน้องผมเกเรพกปืนไปอาละวาด ไปค้ายา ไปก่อเหตุใด จะไม่ว่าสักคำแล้วพวกคุณรู้ใหม เส้นทางเสี่ยงกว่าจะเดินทางมาถึงโรงพักผม ต้องผ่านอะไรบ้าง จาก อ.จะนะ เข้ามาผ่านด่านหม้อแกง ที่เคยโดยคาร์บอมบ์ ผ่านหนองจิก ทุ่งยางแดง โคกโพธิ์ นาประดู่ ลำใหม่ ล้วนเส้นทางอันตราย ที่เคยโจมตีบนเส้นทาง โดยเฉพาะมาถึงบ้านเนียง ลูกน้องผมเกือบตาย 3 ศพ จากการวางระเบิดรถยนต์ พวกคุณเห็นใจในความเสี่ยงอันตราย ตำรวจสามจังหวัดชายแดนพวกผมบ้างไหม แล้วมันยิ่งเจ็บปวด เมื่อพวกคุณบอกว่า อาวุธปืนทางราชการให้พก ในสามจังหวัดได้เท่านั้น แล้วเมื่อพวกผม พกปืนออกเดินทางหรือออกทำงานสืบสวนหาข่าว นอกเส้นทางสามจังหวัด จะให้ผมฝากปืนยาวของทางราชการไว้ที่ปั้มน้ำมัน หรือไงครับ

ลูกน้องอธิบายให้ฟัง เข้าในพื้นที่เสี่ยงในเวลากลางคืน ก็ไม่ฟัง อีกทั้งออกสืบสวนหาข่าวพวกก่อการร้ายที่อาจหลบหนีไปอยู่กับเครือญาติ ที่ชุมชนมุสลิมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ใกล้เคียง ก็ไม่ฟัง
ขนาดระดับ รองผบก.ฯ มาอธิบายข้อกฎหมายให้ฟังว่า มันปฎิบัติหน้าที่ เขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย มีเหตุอันควรที่จะพกปืน พวกคุณก็ไม่ฟัง พวกคุณจะจับอย่างเดียว จับปืนทางราชการ ได้ประโยชน์อันใด แก่สังคมคุณคงจะไปรายงานผลการตั้งด่านทั้งคืน จับกุมอาวุธปืนสงครามได้ 1 กระบอก พวกคุณไม่ละอายแก่ใจกันบ้างหรือครับ ที่ทำงานกันแบบนี้

พวกคุณรู้ไหม ลูกน้องผมเจ็บปวดขนาดไหน เป็นตำรวจแค่ 2 ปี ประวัติไม่เคยด่างพร้อย ร่วมกันเสี่ยงตาย จับโจรก่อการร้าย จับพวกยาเสพติด จับคดีอาญาอื่นๆ ไม่ต่ำกว่า 100 คน ต่อไปนี้ ปืนพกส่วนตัว พวกท่านก็ยึดไป ปืนทางราชการพวกท่านก็ยึดไป ลูกน้องผมเหลือแต่สองมือเปล่า ที่จะไปจับโจร มันเจ็บปวดครับ ที่บ้านเมือง มีคนระดับนักปกครอง ทำงานได้แบบนี้ มีวิสัยทัศน์ได้แค่นี้
หวังแค่มีผลงานตั้งด่านแล้วจับได้ โดยไม่คิดถึงข้อกฎหมายผลกระทบ ขวัญกำลังใจของคนทำงานพื้นที่เสี่ยง แชร์ได้ครับไม่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นการระบุตัวบุคคล เป็นการติชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยความสุจริตใจ เพื่อให้ทำงานให้ดีขึ้น ตามวิสัยของประชาชน ที่จะกระทำได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ในโลกออนไลน์ต่างวิจารณ์ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองขาดวิจารณญาณ เพราะตำรวจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องมีอาวุธป้องกันตัว โดยยกตัวอย่างด.ต.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่เพิ่งถูกโจรใต้ยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะขับรถยนต์ไปรับภรรยาที่เป็นผอ.โรงเรียนในเขตเทศบาลตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

เรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง ซึ่งถูกในไลน์อ้างว่า เป็นนายตำรวจที่เข้าไปเจรจากับฝ่ายปกครอง เพื่อให้ปล่อยตัวส.ต.ต.คนดังกล่าว เปิดเผยว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ของการจับกุม ตนทราบข่าวหลังมีการบันทึกการจับกุม และให้ประกันตัวแล้ว

โดยก่อนเกิดเหตุตนเองออกตรวจท้องที่และมาถึงด่านตรวจท่ามิหรำ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่จำนวนมาก จึงจอดรถลงไปสอบถามจากนายทหารยศ พ.ท. ซึ่งรู้จักกันจึงทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ยะหา จ.ยะลา ขับรถผ่านด่านตรวจเพื่อจะกลับไปยังสภ.ยะหา และตรวจค้นพบว่ามีการพกปืนสั้นและปืนเอ็ม 16 รุ่นเอ็ม 4 อยู่ในรถ จึงจับกุมและตั้งข้อหา ต่อมาให้ประกันตัวตามขั้นตอน ตนเพียงแต่ทราบเหตุการณ์ แต่ไม่ได้เป็นคนขอให้ฝ่ายปกครองปล่อยตัวแต่อย่างใด

สำหรับผู้ที่ถูกจับคือ ส.ต.ต. อายุ 28 ปี ชาวจ.ตรัง ตำแหน่งผบ.หมู่งานป้องกัน สภ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ผ่านด่านตรวจท่ามิหรำ ซึ่งเป็นจุดตรวจของฝ่ายปกครอง และถูกเรียกให้หยุดตรวจ จากการตรวจค้นพบว่ามีปืนเอ็ม 16 รุ่นเอ็ม 4 เป็นของราชการ ทะเบียน เอ0255218 กระสุนขนาด 5.56 จำนวน 26 นัด ซองกระสุน 1 ซอง ปืนพกสั้นยี่ห้อกล็อก ทะเบียน 573016 ขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุน 15 นัด จึงได้ตรวจยึดพร้อมดำเนินคดีดังกล่าวข้างต้น

ด้าน ส.ต.ต.คนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเองออกเวรจากสภ.ยะหาและเดินทางกลับบ้านที่ จ.ตรัง และพยายามที่จะอธิบายถึงความจำเป็นในการมีอาวุธปืนราชการไว้เพื่อป้องกันตัว เพราะพื้นที่ตั้งแต่อ.จะนะ จ.สงขลา จนถึง อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นพื้นที่อันตราย และมีการยิงเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธปืนประจำกายไว้ป้องกันตัวในการเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจไม่ฟัง จึงถูกตั้งข้อหา และดำเนินคดีในที่สุด

โดยผู้สื่อข่าวได้รายงานด้วยว่า หลังการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แชร์เรื่องที่เกิดขึ้น และเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับกุม ในฐานะที่เป็นตำรวจในพื้นที่อันตราย ที่จำเป็นต้องพกพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่จับกุมเจ้าหน้าที่ด้วยกันย้ายมาอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง จะได้รู้ว่ามีอันตรายแค่ไหน อย่างไร โดยในไลน์ต่างๆ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้พูดคุยกันก็น่าจะรู้เรื่อง ไม่น่าจะต้องจับกุมดำเนินคดี เพราะไม่ได้ไปก่อเหตุอะไร แต่เป็นการพกพาปืนเดินทางเพื่อป้องกันตัวเพียงเท่านั้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน