กรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบตามที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรฯ ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เสนอขอแต่งตั้งพระราชปริยัติสุนทร (อมรภิรักษ์ ปสันโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม เจ้าคณะอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เป็นเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยที่ประชุมมหาเถรฯ มีมติเห็นชอบตามที่มีการเสนอ ต่อมามีรายงานแจ้งว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรฯ มีหนังสือกราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อให้ทรงวินิจฉัยและขอโปรดมีพระบัญชา เนื่องจากพระธรรมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 12 มีลิขิตถึงสำนักพุทธฯ ขอให้พิจารณาอธิกรณ์พระราชปริยัตสุนทร เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายประการ

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช ถึงสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม นำขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพื่อทรงทราบ ก่อนที่สมเด็จพระสังฆราช จะมอบหนังสือกราบทูลดังกล่าว ให้สำนักเลขาฯส่งมอบไปที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปัญโญ) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ทำเรื่องชี้แจงกรณีแต่งตั้งพระราชปริยัติสุนทร เป็นเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ผู้ทำหนังสือกราบทูล รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป

พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวว่า กรณีอธิกรณ์ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามทั้ง 7 รูป จบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ มรณภาพ ต่อมาที่ประชุมมหาเถรฯ จึงตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ซึ่งท่านเห็นว่าอธิกรณ์เนิ่นนาน จึงเสนอมหาเถรฯ คืนตำแหน่งแก่พระที่ถูกสอบทั้งหมด พระทั่งหมดจึงพ้นอธิกรณ์ ในการประชุมมหาเถรฯ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2557

ตามรายงานการประชุมมหาเถรฯ ในครั้งนั้น เรื่องการคืนหน้าที่ให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามทั้ง 7 รูป 1 ในนั้น คือ พระราชปริยัติสุนทร เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ พระปริยัติกิจวิธาน แล้ว ตามที่ พระพรหมเวที (สมณศักดิ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม ในตอนนั้น) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ได้ชี้แจงถึงประเด็นการพิจารณาแล้วว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 7 รูปได้ดำเนินการต่อต้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ซึ่งถือว่าละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ แต่มีความผิดไม่ร้ายแรง จึงเป็นการลงโทษเพียงแค่ตำหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ซึ่งการพักการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ ทั้ง 7 รูป ตั้งแต่ปี 2553 นานเกินกว่า 3 ปีนั้น ถือว่าสมควรแก่เวลาแล้ว

ประกอบกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้ง 7 รูป ถึงแม้จะถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาส แต่ยังคงปฏิบัติงานของคณะสงฆ์ในวัดโสธรฯและสร้างประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการศึกษาสงฆ์ ดังนั้น เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก จึงเห็นว่า สมควรที่จะคืนหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ พร้อมกับถวายค่านิตยภัตย้อนหลังให้ทั้ง 7 รูป เป็นเวลา 5 ปี โดยทำหนังสือเป็นลายลักษร์อักษรชี้แจงแก่เจ้าคณะจังหวัดต่อไป

ดังนั้น เรื่องการตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้เสนอตามกฎมหาเถรฯ คือ เจ้าคณะภาค 12 เสนอผ่านเจ้าคณะหนตะวันออก เห็นว่ามีคุณสมบัติจึงเสนอมหาเถรฯ ขั้นต่อไปคือ สำนักพุทธฯ ทำพระบัญชากราบทูลสมเด็จพระสังฆราช ลงพระนามแต่งตั้งตามมติมหาเถรฯ จึงไม่มีขั้นใดผิด

พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวต่ออีกว่า การคัดค้านมติมหาเถรสมาคมที่แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ยังมีการยกอ้างเหตุผล คือ สมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ทรงเข้าประชุมด้วย และเป็นการแต่งตั้งแบบข้ามหัวนั้น

ขอชี้แจงว่า การประชุมทุกครั้งสมเด็จพระสังฆราชไม่จำเป็นต้องเข้าประชุม ด้วยบางครั้งสมเด็จพระสังฆราช มีกรณียกิจอื่นที่จำเป็นและสำคัญ ก็จะมีสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสตามลำดับปฏิบัติหน้าที่แทน ดังมีในระเบียบมหาเถรฯ ส่วนการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดหรือรองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาคเสนอไม่ใช่สมเด็จพระพุฒาจารย์เสนอเอง ท่านทราบดีและปฏิบัติถูกต้อง และการตั้งเจ้าคณะจังหวัดนั้น 1) เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนั้น ไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ 2) เป็นเจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้น ไม่ต่ำกว่า 4 ปี หรือ 3) เป็นพระราชาคณะสามัญ คณาจารย์โทหรือจบ ป.ธ.6 อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ จะมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งก็ได้

ด้านสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปัญโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เปิดเผยว่า หนังสือกราบทูลสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ส่งมาถึงเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก อาตมายังไม่ได้รับหนังสือแต่อย่างใด แต่ข้อเท็จจริงเรื่องการแต่งตั้งพระราชปริยัติสุนทร เป็นเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น ถือว่าทำตามกฎระเบียบมหาเถรฯ เป็นไปตามข้อบังคับและคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ

การแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราครั้งนี้ จึงถูกต้องสมบูรณ์ ดังนั้น ข้อกล่าวหาแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดไม่ถูกต้องตามกฎมหาเถรฯ จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้อาตมาคงจะเข้าไปกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช ให้ทรงทราบ ในการประชุมมหาเถรฯ วันจันทร์ที่ 31 ก.ค.นี้ ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน