วันที่ 24 ก.ค. ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจิโรจน์ เผือกเกลี้ยง ประธานชมรมประมงพื้นบ้านอำเภอท่าฉาง นายเผด็จ แซ่ลิ้ม ตัวแทนกลุ่ผู้เลี้ยงหอยอำเภอดอนสัก และผู้ประสานงาน พร้อมกลุ่มผู้เลี้ยงหอยแครงจาก อ.ท่าฉาง, อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.ดอนสัก กว่า 500 คน พร้อมรายชื่อผู้เลี้ยงหอยแครงและประมงพื้นบ้านกว่า 2 พันรายชื่อ เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านทาง นายธีระ อนันตเสรีวิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เรื่องขอผ่อนปรนและผ่อนผันในการรื้อขนำเฝ้าคอกหอยออกไปอีกหนึ่งรอบการเลี้ยงหรือ 15 เดือน และเรียกร้องให้ศึกษาข้อดีข้อเสียผลกระทบของประกาศจังหวัดสุราษฎร์ธานี เรื่องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ขนำเฝ้าหอยและโฮมสตย์ หรือสิ่งใดๆ ที่ได้ก่อสร้างหรือติดตั้งในที่จับสัตว์น้ำบริเวณทะลอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ฉบับลงวันที่ 12 มิ.ย.63 เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้เลี้ยงหอยแครง
นายจิโรจน์ กล่าวว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครงอำเภอท่าฉาง และอำเภออื่นๆ เกิดจากการผันตัวจากอาชีพประมงพื้นบ้านออกเรือวางอวนมาเป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และเริ่มเลี้ยงหอยมา สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ก่อนที่ได้รับประกาศเป็นเขตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา จนกลายเป็นอัตลักษณ์และหากวันนี้ ต้องรื้อขนำเฝ้าคอกหอย ย่อมส่งผลกระทบต่อการเฝ้าหอยในคอก และอาจเกิดปัญหาในอนาคต
วันนี้จึงอยากให้พิจารณาให้ผู้ว่าราชการขยายเวลาให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงหอยออกไปอีกหนึ่งรอบการเลี้ยง หรือประมาณ 15 เดือน เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้เลี้ยงหอยแครงเพิ่งลงทุนซื้อลูกหอยมาเลี้ยงได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น และศึกษาข้อดีข้อเสียของขนำเฝ้าหอยอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการรื้อสิ่งปลูกสร้างต่างๆและกรีดขวางทางน้ำในพื้นที่หนึ่งพันเมตร แบ่งพื้นที่สาธารณะให้ส่วนรวม
นอกจากนั้นในวันนี้ ยังมีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยในพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาต อำเภอพุนพินจำนวน 80 ราย เข้ามายื่นหนังสือ เพื่อขอผ่อนผันการรื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในพื้นที่อ่าวบ้านดอนออกไปอีก 60 วัน ด้วยเหตุผล 1.รอการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากฟาร์มให้เสร็จสิ้นก่อน 2.ช่วงนี้เป็นฤดูฝนและบางวันก็มีพายุ ฝน คลื่นลม ไม่สามารถรื้อถอนได้ 3.เครื่องมือที่ในการถอดเสาขนำต้องใช้เครื่องมือพิเศษ (ปั้นจั่น) จึงต้องใช้เวลาในการจัดการ
4.ผู้ประกอบการบางรายไม่มีงบประมาณในการรื้อถอนเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการที่มีชาวบ้านมาจับลูกหอยในฟาร์มของผู้ประกอบการจนหมดจากเหตุผลดังกล่าว ทางกลุ่มผู้เลี้ยหอยอ่าวลีเล็ด จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ผ่อนผันการรื้อถอนคอกหอยและสิ่งปลูกสร้างไปอีก 60 วัน เพื่อจะได้ทำการรื้อถอนให้เสร็จสิ้น สำหรับกำหนดการรื้อคอกหอยจะครบกำหนด 60 วันตามประกาศให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและสิ่งล่วงล้ำลำน้ำอ่าวบ้านดอนในวันที่ 10 ส.ค.ที่จะถึงนี้
ด้าน นายธีระ อนันตเสรีวิทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังจากรับหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครง ก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพิจารณา หรือทบทวนส่วนหนึ่งก็ทราบดีว่าขนำมีความจำเป็นกับผู้เลี้ยงหอยแครงแต่ก็ยังขัดกับจ้อกฎหมายอยู่ และในส่วนของผู้เลี้ยงที่ได้รับอนุญาตเลี้ยง ในส่วนของผู้เลี้ยงที่ไม่ได้รับอนุญาตก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป