วันที่ 30 ก.ค. พ.ต.ต.เกียรติชัย มีสุข สารวัตรสืบสวน กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นำกำลังเข้าจู่โจมเข้าจับกุม พระสุดรัก วรินทรเวช พระสงฆ์สำนักสงฆ์ปอมทอง ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม

ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 270/2563 ลงวันที่ 9 ก.ค. 63 ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้าและยาไอซ์ ซึ่งมีสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยพระสุดรัก ยอมให้จับกุมแต่โดยดี

ทั้งนี้ขณะที่เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตามหมายจับ แต่พระสุดรัก ได้ปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแล้ว แต่ยอมรับว่าก่อนที่จะมาบวชนั้น ได้อาศัยอยู่ในหอพักเดียวกับเพื่อนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ แต่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามหน้าที่

เมื่อถูกจับกุมแล้วขอโทรศัพท์แจ้งมารดาให้ทราบว่าไม่สามารถบวชได้จนครบพรรษาตามที่มารดาต้องการ และก่อนที่จะลาสิกขา ขอทำวัตรสวดมนต์เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยอมให้ พระสุดรัก ทำวัตรสวดมนต์จนเสร็จสิ้นพิธี แล้วจึงคุมตัวไปพบเจ้าคณะตำบลท้ายสำเภา ทำการลาสิกขาขาดจากความเป็นพระสงฆ์เพื่อให้เจ้าหน้าที่คุมตัวดำเนินคดี

หลังจากลาสิขาแล้ว พระสุดรัก หรือนายสุดรัก ได้เดินทางไปที่บ้านและกราบเท้ามารดาที่บ้านและร้องไห้พูดกับมารดาว่า “ลูกบวชให้แล้วนะแม่” ก่อนถูกควบคุมตัว

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่านายสุดรัก เคยต้องคดีชิงทรัพย์ ถูกศาลตัดสินจำคุกหลายปี พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2562

ส่วนคดียาเสพติดที่ถูกจับกุมตามหมายจับล่าสุดนั้น นายสุดรัก ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งซัดทอดจากเพื่อนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใดแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน