จับแล้วมือฆ่าฝังดิน 3 ศพ สยองกรุงเก่า ที่แท้เป็นแก๊งยา ทะเลาะกันเรื่องยาบ้าที่หายไป 2 พันเม็ด จึงนัดเคลียร์แต่ตกลงกันไม่ได้ เลยถูกฆ่าฝังดิน โดยจุดที่ลงมือเป็นกระท่อม อยู่ฝั่งตรงข้ามคลองนั่นเอง ตร.คุมตัวเจ้าของกระท่อมกับเพื่อนมาสอบเค้น สุดท้ายยอมรับสารภาพ ก่อนพาไปชี้จุดเกิดเหตุและที่ฝังอาวุธปืน ตร.ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดอยุธยา ควบคุมดำเนินคดีต่อไป

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพนายสำรวย วงษ์อักษร อายุ 32 ปี นาย สมพาล บุญสนุน อายุ 39 ปี และนายไพรัช หอมชะเอม อายุ 38 ปี ถูกฆ่าฝังดินอย่าง โหดเหี้ยม ริมคลองส่งน้ำกลางทุ่งนา ม.4 ต.บ้านนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา โดยทั้ง 3 รายหายตัวไปจากบ้านพัก ตั้งแต่ วันที่ 6 ส.ค. ตำรวจกระจายกำลังออกตรวจหา จนพบร่องรอยการเผาโทรศัพท์มือถือถูกเผาฝังดิน และใกล้กันยังพบรถจยย.ถูกทิ้งในคลองส่งน้ำ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 2 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตและในวันก่อนที่จะหายตัวไปได้ร่วมกันดื่มสุราอยู่ด้วยกันมาสอบสวน 1 ในผู้ต้องสงสัยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้เรียกนายสำรวยให้ออกมาช่วยหาปลา ในบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ แล้วแยกย้ายกัน จนมาทราบว่าหายตัวไปแล้วถูกฆ่าฝังดินอย่างโหดเหี้ยม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก. พ.ต.อ.ณพล กลัดเข็มเพชร รองผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมาประชุมเพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจพบที่เกิดเหตุ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวสั้นๆ ว่าในขณะนี้เราได้ตัวผู้ต้องสงสัยมาแล้วมีความเกี่ยวพันกับยาเสพติดซึ่งจะต้องทำการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับต่อไป

ด้านพล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเผยว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน พบว่าหนึ่งในนั้นเป็นผู้ต้องโทษในคดียาเสพติดที่เพิ่งพ้นโทษมา โดยจากข้อมูลพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลของขบวนการค้ายาเสพติดที่ บช.ปส. มีอยู่ และอยู่ระหว่างการขยายผลข้อมูลที่ได้ เพื่อติดตามหาผู้ร่วมขบวนการหรือผู้ต้องสงสัยที่อาจเป็นผู้ลงมือสังหารทั้ง 3 ศพ ทั้งนี้ได้มีการประสานข้อมูลกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ติดตามคดีโดยในเบื้องต้นจะให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทำการสืบสวนสอบสวนในเรื่องคดีไปก่อน ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายที่หนึ่งในผู้เสียชีวิตไปเกี่ยวข้องหรือผู้ต้องสงสัย ทาง บช.ปส.จะทำการขยายผลเก็บข้อมูลไว้ให้หากมีการร้องขอมาก็พร้อมจะมอบข้อมูลต่างๆ ให้ทันที เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวก่ายกันในเรื่องคดี

จากการตรวจสอบข้อมูลของกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด พบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คนไม่มีรายชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ เจ้าหน้าที่ได้มีการสกัดกั้นจับกุมไปก่อนหน้านี้ คาดว่าผู้เสียชีวิตอาจทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในหน้าที่อื่น และอาจเกิดการหักหลังหรือเสียผลประโยชน์กันเกิดขึ้นจึงเป็นชนวนเหตุของการลงมือ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. กล่าวว่า การสืบสวนตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รวมถึงการตรวจสอบว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตมีความขัดแย้งกับกลุ่มค้ายาเสพติดหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มผู้เสียชีวิตเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดมาได้ไม่นาน และจากการตรวจสอบพบว่า 2 ใน 3 ศพ มีร่องรอยถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืนด้วย ซึ่งขณะนี้การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จำกัดวงกว้างลงมาในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มบุคคลที่ดื่มสุราด้วยกันในวันก่อนที่จะพบศพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย โดย พ.ต.อ.ภัทรภัทร นุชยวง ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำตัวนายจรัญ หรือเอ๋ สังข์วิเศษ อายุ 46 ปี ไปตรวจสอบที่บริเวณกระท่อมสังกะสี เพื่อนำชี้จุดที่มีการนั่งพูดคุยดื่มสุรากัน และเก็บโทรศัพท์ เสื้อเปื้อนเลือดนำไปเผา จากนั้นไปชี้จุดที่ทิ้งรถจักรยานยนต์อีกคันของกลุ่ม ผู้ตาย ก่อนส่งนักประดาน้ำลงไปงมค้นหาจนพบจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นชุดสืบ สวนควบคุมตัวนายกริษณ์ หรือแจ้ว นิ่มน้อย อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาอีกราย ไปชี้จุดที่นำอาวุธปืนลูกซองแบบไทยประดิษฐ์ไปซุกซ่อนฝังดินเอาไว้ โดยพบว่าห่างที่เกิดเหตุพบศพไปประมาณ 1 กิโลเมตร

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายจรัญ หรือเอ๋ เป็นเจ้าของกระท่อมบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ โดยนายกริษณ์ หรือแจ้ว ได้มาพูดคุยกับนายจรัญ เรื่องยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด ที่กลุ่ม ผู้ตายบอกว่าหายไปว่าจะทำอย่างไร นายกริษณ์ให้นายจรัญโทรศัพท์นัดกลุ่มผู้ตายมาพบที่บริเวณกระท่อม เพื่อมาพูดคุยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ นายกริษณ์จึงใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มผู้ตาย แล้วช่วยกันขนศพลงเรือนำไปฝังอีกฝั่ง และนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายทิ้งลงน้ำ รวมทั้งเผาทำลายโทรศัพท์มือถือของกลุ่ม ผู้ตาย และฝังดินไว้ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี โดยขณะนี้ทั้งคู่ถูกควบคุมตัวสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อเตรียมขออนุมัติหมายจับต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน