วันที่ 21 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเพจเฟซบุ๊ก “สหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก” โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “หยิกแขนเด็กจนช้ำเหตุเพียงเพราะผูกโบว์ขาว ขอประณามการกระทำของครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด เหตุเนื่องจากเด็กผูกโบว์ขาว ติดโบว์ขาว แล้วทำให้ครูไม่พอใจหรือประการใดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่คุณครูท่านนี้ทำกับเด็กคือการหยิกเด็ก การตีเด็กจนช้ำ จนเด็กร้องไห้ เด็กผิดอะไร คุณถึงต้องทำกับเด็กขนาดนี้ครับ การกระทำอย่างงี้ จะทำให้เด็กรู้สึกว่าโรงเรียนไม่ใช่บ้านหลังที่สองอย่างที่ครูเคยกล่าวอ้างอีกต่อไป #โรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้สนามกีฬากลางประจำจังหวัด”

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งได้มีการเรียกประชุมครูภายในโรงเรียนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีการแพร่กระจายข้อมูลข่าวของทางโรงเรียนออกไปอย่างแพร่หลาย โดย นายสมพงษ์ ประภากรพิไล รองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ชี้เเจงหนังสือที่ส่งมาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27 ในเรื่องของสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกโดยหลักประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีการปิดกั้นสำหรับนักเรียนที่จะแสดงออกให้กับคณะครูและนักเรียนทั้งโรงเรียนได้รับทราบ

จากการพูดคุยกับเด็กหญิงที่ผูกโบว์สีขาวแล้วถูกหยิกแขน ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ผูกผมด้วยโบว์สีขาวและแต่งหน้ามาโรงเรียนจริง ซึ่งตนเข้าใจดีว่าผิดกฏระเบียบของโรงเรียน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ครูต่อว่าตน ทั้งดึงแขนและหยิกแขนรวมไปถึงให้ตนถอดหน้ากากอนามัยเพื่อดูว่าแต่งหน้าหรือไม่

เมื่อเห็นตนแต่งหน้าก็ได้หยิกไปที่แก้มของตน จนเกิดรอยช้ำดังที่ถ่ายรูปแล้วมีคนเอาไปโพสต์ลงเพจ “สหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก” ตนยืนยันได้ว่าครูไม่ได้ข่มขู่ แต่ตนถูกทำโทษแบบนั้นจริงๆ ตนถูกครูกล่าวหาว่าเอาสีมาทาแขนให้ดูเหมือนรอยช้ำ ซึ่งตนอยากให้ครูออกมาพูดความจริงว่า ได้ทำโทษตนรุนแรงแบบนั้นจริงๆ ซึ่งมีพยานเป็นเพื่อนนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์ด้วย

ขณะที่ครูที่ถูกกล่าวหา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่ได้มีเรื่องของการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของกฏระเบียบของโรงเรียนที่ห้ามนักเรียนแต่งหน้า และห้ามผูกโบว์สีขาว ให้ใช้เป็นเพียงโบว์สีดำเท่านั้นสำหรับนักเรียนหญิง และตนไม่ได้หยิกไปที่แขนหรือแก้มของเด็กนักเรียนหญิงตามที่ถูกกล่าวหา ตนก็มีพยาน สามารถตอบข้อที่ถูกกล่าวหาได้

ด้าน นายสมพงษ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนได้ทราบเรื่องแล้ว เบื้องต้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแสดงเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นกฏระเบียบของทางโรงเรียนที่จะต้องใช้โบว์ผูกผมสีดำ ส่วนนักเรียนหญิงที่อ้างว่าถูกครูหยิกแขนและแก้มนั้น ครูผู้ถูกกล่าวหายังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ

โดยทางโรงเรียนยืนยันว่า ไม่มีการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของนักเรียนในการแสดงเชิงสัญลักษณ์แต่อย่างใด เพียงแต่อาจจะเกิดความเข้าใจผิด ทางโรงเรียนจะได้เแจ้งไปยังผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงที่ถูกหยิก ครูที่ถูกกล่าวหา และนักเรียนที่เป็นพยานให้ทั้งสองฝ่าย เข้ามาพบเพื่อทำการพูดคุย และชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน