ฝนถล่มแม่ฮ่องสอนต่อเนื่องน้ำป่าไหลหลากทะลักเข้าท่วมที่นาพัดโคชาวบ้านตายไป 1 ตัวสะพานไม้ขาดสะบั้น อบต.หนองแห้ง อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน กำลังเร่งสำรวจความเสียหายและหาทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นการด่วน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 20 ส.ค. ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย จินดาพันธ์ นายอำเภอขุนยวม ได้รับรายงานจาก นายสมชาย วงศ์จันธนพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านแม่โข่จู เขตพื้นที่ต.เมืองปอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านต้นน้ำแม่ลาก๊ะ, บ้านหนองแห้ง ต.เมืองปอน, บ้านท่าหินส้ม ต.เมืองปอน ส่งผลให้น้ำป่าได้ไหลหลาก ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตรเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร, โรงเรียน, สะพาน และสัตว์เลี้ยงได้รับความเสียหายจำนวนมาก
ขณะนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองปอน กำลังจัดส่งเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย โดยทางอำเภอขุนยวมจัดส่งเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนพร้อมด้วยปลัดอำเภอ เข้าไปดูแลและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
นายวิทูน สองสี อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 9 บ้านหนองแห้ง ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 20.00 น. เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทำให้โคที่เลี้ยงไว้ถูกน้ำพัดพาหายไปกับสายน้ำ จนกระทั่งเมื่อเช้าตรู่วันนี้ทางตนและญาติๆ พากันตามหาจนไปพบซากโคในป่าริมแม่น้ำแม่ลาก๊ะ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. เนื่องจากตนมีฐานะยากจน จึงชำแหละโคออกจำหน่ายให้กับราษฎรในหมู่บ้าน โดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 200 บาท แต่ก็ไม่คุ้มกัน
ขณะที่ทาง อบต.เมืองปอนออกสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบว่าน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมที่นาและพัดเศษหินดินทรายไปกองในที่นา ทำให้ที่นาเสียหายประมาณ 20 ไร่ นอกจากนั้นที่บ้านท่าหินส้ม สะพานไม้ลำลองที่ข้ามระหว่างหมู่บ้าน ถูกน้ำป่าพัดขาดไปครึ่งหนึ่ง ระยะทางประมาณ 20 เมตร สำหรับที่โรงเรียนบ้านแม่โข่จู ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านเมืองปอน ต.เมืองปอน น้ำป่าได้ไหลหลากเข้าพัดรั้วของโรงเรียนเสียหายเป็นแนวยาวหลายสิบเมตรเช่นกัน
ล่าสุดสถานการณ์ฝนในพื้นที่ดังกล่าวพบว่า บริเวณพื้นที่ตอนเหนือของบ้านแม่ลาก๊ะ, บ้านแม่โข่จู และบ้านมะหินหลวง ยังคงมีฝนตกลงมาปรอยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำแม่ลาก๊ะ ที่ไหลลงสู่บ้านหนองแห้ง ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่พื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวพากันย้ายสิ่งของมีค่าและสัตว์เลี้ยงไปไว้บนที่สูงแล้ว
