หนุ่มนักดนตรีพบแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว หลังตามหา 33 ปี พบไปบวชชีที่ จ.สระบุรี นายอำเภอพิมาย ช่วยประสานส่งตรวจดีเอ็นเอที่ รพ.มหาราชฯ ก่อนทำบัตรประชาชนให้เพื่อยืนยันสัญชาติไทย

เวลา 08.15 น. วันที่ 23 ส.ค. นายดนัย แป้นกระโทก หรือ แจ็ค อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/2 หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หนุ่มนักดนตรีที่เคยประกาศตามหาแม่ผู้ให้กำเนิด เพื่ออยากให้แม่มายืนยันว่าเป็นแม่และเซ็นเอกสารเพื่อต้องการมีบัตรประชาชน หลังจากเคยให้ข่าวว่าเมื่อ 25 ปีก่อน แม่ผู้ให้กำเนิดได้นำนายดนัย หรือ แจ็ค ไปมอบให้กับพ่อแม่บุญธรรมที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ก่อนที่พ่อแม่บุญธรรมจะพาย้ายที่อยู่ไปเรื่อย เพราะต้องทำงานรับจ้างทั่วไป และปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ อ.พิมาย มีอาชีพเป็นนักดนตรีรับจ้างเพื่อหาเงินเลี้ยงพ่อแม่บุญธรรมที่อายุมากแล้ว และแม่บุญธรรมก็ป่วยเป็นโรคไต วันไหนที่ไม่มีงานนายดนัย ก็จะออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกตามตลาดนัดใกล้บ้าน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่บุญธรรมและเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะไม่สามารถไปสมัครงานที่ไหนได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน หลังจากที่มีข่าวออกไป ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดวังยาง ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี ติดต่อมาหานายดนัย ว่าเป็นแม่ หลังจากมีการพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆ และมีเอกสารหลายอย่างเพื่อยืนยันว่าเป็นแม่จริงๆ นายดนัยจึงพาแม่ชีมาพบผู้สื่อข่าว

จากการสอบถามทราบว่าแม่ชี ชื่อ นางฉลวย เพลิตขุนทด ชื่อเดิมชื่อ นางจำลอง เพลิตขุนทด อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 76 หมู่ 5 ต.โป่งแดง อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา แม่ชีฉลวย เล่าว่า แท้จริงแล้วนายดนัย หรือ แจ็ค อายุ 33 ปีแล้ว ไม่ใช่ 25 ปี ตามที่เข้าใจกัน โดยเมื่อ 33 ปีก่อน คือ พ.ศ.2527 ขณะนั้นตนอายุ 23 ปี ไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ อ.ปากช่องกับแฟนหนุ่ม จากนั้นได้ตั้งท้องแฟนหนุ่มก็ได้เลิกร้างกันไป จนเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2527 ตนก็ได้คลอดลูกเป็นเพศชายที่ รพ.ปากช่องนานา หลังจากนั้นตนก็ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ จึงอุ้มลูกน้อยไปที่ตลาดแขกปากช่อง จนไปพบกับ 2 สามีภรรยาก็คือนายมัด แป้นกระโทก อายุ 56 ปี และนางส้ม ใจกล้า อายุ 70 ปี ที่มีอาชีพปั่นสามล้อส่งถ่านอยู่ที่นั่น จึงได้มีการพูดคุยกันและได้ตัดสินใจยกลูกชายให้กับ 2 สามีภรรยาให้ช่วยดูแลลูกให้ ส่วนตนก็ไปหางานทำ

ต่อมาประมาณ 1 เดือน ตนก็ได้กลับมาหาลูกกับพ่อแม่บุญธรรม 1 ครั้ง จากนั้นตนก็กลับไปทำงาน จนเวลาผ่านไปประมาณ 4 เดือน ตนก็กลับมาหาอีกครั้ง พร้อมกับซื้อของใช้และผ้าเด็กอ่อนพร้อมกับเสื้อผ้าของพ่อแม่บุญธรรมด้วย แต่พอมาถึงที่ห้องเช่าที่ตนเคยมา กลับพบว่าพ่อแม่บุญธรรมได้พาลูกน้อยย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว ขณะนั้นตนรู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน หลังจากนั้นตนก็ได้ตามหาลูกตลอด แต่ก็ไม่พบ พอไปเจอเด็กผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชาย ตนก็จะเข้าไปถามไถ่เพื่อหวังว่าจะได้เจอลูกชายอีกซักครั้ง จนเมื่อ 2 ปีก่อน ได้ตัดสินใจบวชชีเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดวังยาง ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี เผื่อจะมีบุญได้เจอกับลูกชายบ้าง

กระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่วัดมีงานศพ และในงานเปิดโทรทัศน์เมื่อดูข่าว ตนก็เลยได้เห็นข่าวว่ามีเด็กหนุ่มตามหาแม่เรื่องราวเหมือนชีวิตของตนไม่มีผิด จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปตามหมายเลขที่ให้ไว้ จนได้พบกับพ่อแม่บุญธรรมที่ตนเคยยกลูกให้เมื่อ 33 ปีก่อน ตนจำได้แม่น และรู้สึกดีใจมากที่ได้พบลูกชายที่ตามหามานาน เพราะตนคิดถึงลูกมาก และยิ่งรู้ว่าลูกต้องลำบากที่ไม่มีบัตรประชาชน จะทำอะไรก็ไม่ได้ ตนจึงไปหาเอกสารต่างๆ เพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริงว่าลูกเป็นคนไทยไม่ใช่คนต่างด้าว และตนก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดจริงๆ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พานายดนัย และแม่ชีเข้าพบนายชูศักดิ์ ชุนเกาะ นายอำเภอพิมาย เพื่อสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนการทำบัตรประชาชนของนายดนัย ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือจากนายอำเภอเป็นอย่างดี เพราะหลังจากขั้นตอนของเอกสารและขั้นตอนการสอบปากคำแม่ของนายดนัย แล้ว ก็ยังเหลือขั้นตอนการตรวจดีเอ็นเอของทั้ง 2 แม่ลูก ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากพอสมควร แต่เพราะทั้งนายดนัย และแม่ชีก็ไม่มีเงิน นายอำเภอพิมายจึงได้ติดต่อไปยัง นพ.สมชัย อัศวสุดสาคร ผู้อำนวยการ รพ.มหาราชนครราชสีมา เรื่องการตรวจดีเอ็นเอ ทาง รพ.มหาราชนครราชสีมา จึงยินดีจะช่วยให้ทั้ง 2 คนแม่ลูกได้ตรวจดีเอ็นเอโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้นายดนัย ได้สมหวัง หลังจากรอคอยมานานกว่า 33 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน