วันที่ 25 ส.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย นางบุญวัฒน์ งามรูป อายุ 38 ปี ชาว จ.นครราชสีมา มารดาของ น.ส.เกต (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หญิงสาวชาวไทยที่ตกตึกเสียชีวิตที่ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา และญาติเดินทางมารับศพของ น.ส.เกตุ ที่คลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ภายหลังจากอัยการประเทศบาห์เรน อนุญาตให้รับศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาได้

นางปวีณา กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องทุกข์ จากนางบุญ (นามสมมติ) ที่ขอให้ช่วยตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของบุตรสาวและให้ความเป็นธรรมเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการฆาตรกรรม เพราะก่อนหน้านี้บุตรสาวมีปัญหาขัดแย้งกับนายหน้าที่พาไปทำงานแผนกต้อนรับที่ร้านอาหารในประเทศบาห์เรนแล้วถูกบังคับค้าประเวณี หลังจากนั้นได้ตกจากอาคารสูงที่พักในเมืองมานามา ประเทศบารห์เรนและเสียชีวิต ตนจึงได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปคม. เพื่อให้ช่วยติดตามคดีและกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามเรื่องความคืบหน้าของคดีและการดำเนินการนำศพ น.ส.เกต กลับประเทศไทยตามที่ญาติร้องขอ

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งมายังมูลนิธิปวีณาว่า อัยการของประเทศบาห์เรนอนุญาตให้รับศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาได้โดยทำการส่งศพกลับมาถึงวันนี้ โดยสายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที GF152 ซึ่งหลังจากรับศพแล้วจะนำส่งที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอีกครั้ง ก่อนที่ญาติจะรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่จ.สระแก้ว ต่อไป

ส่วนคดีตอนนี้ต้องรอผลสรุปจากประเทศบาห์เรนอีกครั้ง แต่ก่อนหน้านี้ได้มีการประสานส่งข้อมูลการแชทระหว่าง น.ส.เกตกับมารดา ที่ระบุว่าถูกทำร้ายและต้องมีการชดใช้เงินเป็นจำนวนกว่า 200,000 บาท ให้กับนายหน้าคนไทยที่พาไปเพื่อจะได้เดินทางกลับไปให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาคดีแล้ว รวมทั้งต้องรอผลการสอบปากคำนายหน้าคนไทยรายนี้ที่ถูกตำรวจบาห์เรนจับกุมได้ดำเนินคดีในข้อหาค้าประเวณีอีกครั้ง

ด้านนางบุญ กล่าวว่า บุตรสาวเดินทางไปทำงานที่บาห์เรนเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยบอกว่ามีนายหน้าคนไทยที่รู้จักกันชักชวนให้ไปทำงาน โดยเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน ซึ่งก่อนหน้านั้นบุตรสาวทำงานอยู่ในร้านอาหารที่พัทยา หลังจากนั้นก็ติดต่อพูดคุยกันมาโดยตลอดผ่านทางแชทข้อความจนก่อนที่บุตรสาวจะเสียชีวิตได้แชทมาบอกตนว่าไม่ปลอดภัย คงไม่ได้กลับบ้าน และถ้าต้องการจะกลับบ้านต้องจ่ายเงินให้กับนายหน้าเป็นจำนวนกว่า 200,000 บาท หลังจากนั้นก็ติดต่อบุตรสาวไม่ได้จนกระทั่งได้รับการติดต่อมาจากบาห์เรนว่าบุตรสาวตกตึกอาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตนไม่เชื่อว่าบุตรสาวจะฆ่าตัวตาย จึงได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา เพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน