สั่งปลดแล้วผอ.’สารสาสน์ฯราชพฤกษ์’ ตั้งผอ.หญิงคนใหม่ดีกรีดร. เด็กยังแห่ลาออก-ขอคืนเงิน ค่าเทอมไม่หยุด ติดวงจรปิดทางเดินในโรงเรียนเพิ่ม

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ลงพื้นที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าตามข้อตกลง พร้อมด้วย คณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

โดยมีนายพิสุทธิ์ ยงศ์กมล ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์, นายสุทธิพงศ์ ยงค์กมล, นางสยมพร ทองเนื้อดี, นางวริษนันท์ เดชปานประสงค์ ผู้แทนโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ และ ดร.รัตนาภรณ์ มูรี่ ผู้อำนวยการโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ให้การต้อนรับ และให้ข้อมูลการติดตามความคืบหน้าตามบันทึกข้อตกลง

นายอรรถพล กล่าวว่า สช. ตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงขึ้น ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกวัน เพื่อจัดเก็บข้อมูลว่ามีส่วนใดบ้าง ที่โรงเรียนจะต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายโรงเรียนเอกชน และส่วนที่สำคัญคือการติดตามผลการดำเนินการของโรงเรียน และอีกส่วนหนึ่ง ตนสั่งการให้ไปช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.ชัยพฤกษ์

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า วันนี้ตนมาเพื่อติดตามความคืบหน้าว่า โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ตามที่ได้บันทึกข้อตกลงไป ซึ่งให้คำสัญญาไว้ว่าจะแก้ปัญหาโดยเร็ว ถ้าส่วนไหนที่ทาง สช. เห็นว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไข ก็จะแจ้งให้ดำเนินการเลยโดยทันที

ขณะนี้เบื้องต้นโรงเรียนรายงานว่าปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร โดยถอดถอนและแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่ แต่เท่าที่ทราบคือโรงเรียนยังไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ตนจึงจะสั่งการให้รีบดำเนินการแต่งตั้งรองผู้อำนวยการตามตราสารที่ได้รับอนุญาต คือแต่งตั้งรองผู้อำนวยการ 3 คน เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างทั่วถึง โดยการแต่งตั้ง ผอ. และ รอง ผอ. นั้น เป็นอำนาจของผู้รับใบอนุญาต

ส่วนเรื่องของความปลอดภัยทางกายภาพของเด็ก ที่มีผู้ปกครองร้องมาว่าไม่ปลอดภัย และไม่สามารถเฝ้าระวังได้ ตนให้โรงเรียนติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว และที่มีผู้ปกครองบางส่วนแจ้งให้โรงเรียนปรับปรุงพื้นทางเดิน เพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นอันตรายกับเด็กนั้น วันนี้ตนก็มาตรวจสอบด้วย ซึ่งก็ได้รับรายงานว่า โรงเรียนดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

“ฝ่ายบริหารโรงเรียนถอดถอน นางนันทิภา ยงค์กมล ผอ.โรงเรียนคนเก่าออก เนื่องจากหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ และแต่งตั้ง นางรัตนาภรณ์ มูรี่ ผอ.คนใหม่ ซึ่งมีดีกรีปริญญาเอก และใบประกอบผู้บริหารสถานศึกษา ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป โดยสช.แนะนำให้โรงเรียนตั้งรองผอ.อีก 3 คน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้

นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 5 ต.ค. มีนักเรียนแจ้งขอลาออกและขอคืนเงินค่าเล่าเรียน จำนวน 6 ราย โดย 2 ราย เป็นเด็กที่อยู่ในห้องเรียนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากเดิมเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ได้รับแจ้งว่ามีนักเรียนจะลาออกและขอคืนเงิน จำนวน 40 คน” นายอรรถพล กล่าว

เลขาฯกช. กล่าวว่า ส่วนเรื่องของใบประกอบวิชาชีพ คุรุสภา ไม่ต้องชี้แจงมาทาง สช. ก็ได้ เพราะสช. ใช้โปรแกรมที่เชื่อมโยงอยู่กับฐานข้อมูลของคุรุสภา ซึ่งจำนวนครูที่เห็นว่าใบประกอบวิชาชีพหมดอายุที่มีอยู่ด้วยกัน 10 ท่าน เมื่อตรวจสอบกับคุรุสภาแล้ว พบว่าทั้ง 10 ท่านต่อใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว

กล่าวคือในส่วนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นครูประจำชั้นหรือครูผู้สอน ขณะนี้ยังไม่พบผู้ที่ไม่มีใบอนุญาต คงเหลือที่ต้องดำเนินการตรวจสอบในประเภทวิทยากรบุคคลภายนอก พี่เลี้ยง หรือตำแหน่งใดๆ ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ว่าได้เข้ามาทำหน้าที่ครูบ้างหรือไม่ซึ่งจะมีผิดกฎหมาย

ในส่วนนี้ก็ต้องขอเวลาสักระยะเนื่องจากประเภทดังกล่าวนี้มีจำนวนมาก เช่น ครูชาวต่างชาติ ที่โรงเรียนมีข้อมูลว่ามีมากกว่า 100 ท่าน ตรวจสอบเอกสารว่ามีความถูกต้องครบถ้วน มีใบอนุญาต มีหนังสืออนุญาตจากคุรุสภา มีใบใบอนุญาตทำงาน มี Visa Non-B (Non-Immigrant Visa “B” : วีซ่าสำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน) และมีสัญญาจ้างถูกต้องทั้งหมด 76 ท่าน

ที่เหลืออีก 51 ท่าน ต้องสอบถามว่าทางโรงเรียนได้จ้างมาหรือไม่ หรือจ่ายเงินเดือนแบบไหน จ้างมาทำหน้าที่อะไร และมี Visa Non-B กี่คน มีใบอนุญาตทำงานกี่คน ในส่วนนี้ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องขอเวลาในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน” นายอรรถพล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน