เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตรวจสอบ 17 รีสอร์ทบนเกาะพยามจ.ระนอง แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของระนอง ที่อาจจะบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและบางส่วนของป่าชายเลน

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 13 ก.ย. นายศุภชัย สุกใส ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 (ภาคใต้) สำนักป้องกันป่าและควบคุมไฟป่ากรมป่าไม้ ร.อ.ศักดิ์เขตต์ บุญพิทักษ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ร.ต.ท.ไสว อินทร์กลั่น ชุดการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สายตรวจป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม ตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง สนธิกำลังรวมกันจำนวน 35 นาย เดินทางไปที่ ม.1 ต.เกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่กลางทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของจังหวัดระนอง เพื่อตรวจสอบรีสอร์ทบ้านพักจำนวน 17 แห่ง ที่อาจจะบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและบางส่วนของป่าชายเลน

เมื่อไปถึงนายศุภชัยเชิญเจ้าหน้าที่ทุกคนรับทราบรายละเอียดในการเข้าดำเนินการตรวจสอบ โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 กลุ่มพร้อมเครื่องมือ จีพีเอส ตลับเมตรวัดความยาว ซึ่งการเข้าตรวจสอบจะตรวจสอบรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศจำนวน 17 แห่ง ซึ่งการตรวจสอบต้องใช้เวลา 2 วัน เพราะมีเนื้อที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด แต่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจำกัด

นายศุภชัย กล่าวระหว่างการตรวจสอบว่า เบื้องต้นพบว่า รีสอร์ทบางแห่งมีการขยายพื้นที่จากที่ถือครอบครองอยู่เดิม ซึ่งเจ้าของอ้างว่าไม่ทราบเนื่องจากคิดว่าอยู่ในพื้นที่ซึ่งอยู่ในการครอบครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้วัดพร้อมตรวจสอบด้วยเครื่องมือจีพีเอส โดยให้เจ้าของพื้นที่ตามดูแนวเขตพร้อมอธิบายให้ฟัง ซึ่งผู้ที่ขยายที่ดินเพิ่มก็พร้อมที่จะยอมคืนพื้นที่ให้แก่รัฐ

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่เข้าตรวจสอบทั้ง 17 แห่งนี้ เจ้าของถือครองด้วยสิทธิถือครองที่ทำกิน (สทก.) โฉนดชุมชน และหนังสือ สปก. การตรวจสอบจะดูเรื่องที่ว่าที่ดินดังกล่าวมีร่องรอยการทำกินหรือไม่ เช่น การปลูกพืชอาสินต่างๆ โดยนำภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อปี 2545 เข้ามาเปรียบเทียบ เจ้าของที่ถือครองมีการเปลี่ยนมือกันหรือไม่ ซึ่งการเปลี่ยนมือต้องจำแนกว่าเป็นการเปลี่ยนมือโดยตกเป็นมรดกแก่ทายาท ซึ่งถือว่าไม่ผิด แต่หากเป็นการขายต่อให้กับคนนอกถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดขอคืนและดำเนินคดีรีสอร์ทบ้านักตากอากาศไปแล้วจำนวน 11 แห่ง ครั้งนี้หากพบความผิดเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจยึด ขอคืนพื้นที่กลับมาเป็นของรัฐ แต่หากเจ้าของต้องการที่จะต่อสู้ทางกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการเช่นกัน ซึ่งการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีหลายแห่งที่ผิดกฎหมาย แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าจุดไหนทำผิดกฎหมายบ้างผิดเรื่องอะไรบ้าง เพราะต้องตรวจสอบให้หมดทั้ง 17 แห่ง จากนั้นจะนำข้อมูลที่ตรวจสอบได้ทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการที่ประชุมระดับจังหวัด ชุดแก้ไขปัญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่เกาะพยาม ดำเนินการทางกฎหมายและขอคืนพื้นที่ในส่วนที่กระทำผิด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน