วันที่ 19 ต.ค.63 นายสุบิณฑ์ รัตนวิไลย อายุ 32 ปี ชาว จ.พัทลุง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ดำเนินคดีกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังเจอบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณศีรษะของลูกชายทารกแรกเกิด และอยู่ได้เพียง 23 วัน ก่อนจะเสียชีวิต

นายสุบิณฑ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา นางอรสา หยูใหม่ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ได้ผ่าคลอดที่ ร.พ.พัทลุง โดยทารกที่ออกมาเป็นเพศชาย น้ำหนัก 2.9 กก. ซึ่งในช่วงตั้งครรภ์ได้มีการฝากท้องตามเงื่อนระยะเวลากำหนด ที่ ร.พ.พัทลุง พอหลังคลอดปรากฏว่า เจ้าหน้าที่พยาบาลได้นำลูกชายของตนเข้าตู้อบ และมีการใส่ท่อใส่สายเต็มไปหมด และหลังคลอดเพียง 2 วัน ก็มีการให้เลือดลูกชายของตนด้วย

จากนั้นตนก็สังเกตเห็นแผลที่ศีรษะของลูกชายขณะที่พยาบาลเข้ามาเช็ดตัว ที่แอบเห็นเพราะขณะที่พยาบาลเช็ดตัวลูกจะกันให้ญาติออกไปอยู่ข้างนอก ตนจึงรู้สึกสงสัย และพยายามขอดูบาดแผลที่ศีรษะแต่เจ้าหน้าที่พยาบาลกลับไม่ให้ดู และไม่ได้ชี้แจงใดๆ ด้วยความไม่รู้จะทำเช่นไร จึงเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อขอคำปรึกษาในการขอดูศีรษะของลูกชายและต้องการถ่ายภาพไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าเป็นสิทธิ์ของทางโรงพยาบาล ตนจึงไม่สามารถทำอะไร เมื่อสอบถามเรื่องบาดแผลที่ศีรษะก็ถูกบ่ายเบี่ยงตลอด

หลังจากที่ลูกชายอยู่ ร.พ.พัทลุง ได้ 10 วัน ตนแอบสังเกตเห็นอาการของลูกชายไม่ดีขึ้น จึงร้องขอให้ทางโรงพยาบาล ส่งลูกชายไปรักษาต่อที่ รพ.มอ หาดใหญ่ ในวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งลูกชายก็เสียชีวิตในวันที่ 7 ก.ค.ที่ รพ.มอ. โดยรวมเวลาที่ไปรักษาตัวที่ ร.พ.มอ.ได้ 13 วัน ซึ่งแพทย์ที่ ร.พ.มอ. ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากภาวะขาดอากาศหายใจ

เมื่อตนและครอบครัว นำศพลูกชายกลับมาบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา พบว่าที่บริเวณศีรษะมีแผลฉกรรจ์ แผล โดยทาง รพ.ได้ใช้วิธีการปิดแผลด้านหลังมาในลักษณะเป็นแผ่นคล้ายหนังศีรษะ หากไม่สังเกตจะไม่รู้ แต่ด้วยความที่ครอบครัวติดใจบาดแผลที่ศีรษะ ตั้งแต่ต้น จึงลอกแผ่นคล้ายหนังออกก็พบว่ามีบาดแผล จึงถ่ายภาพเก็บไว้

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางครอบครัวรู้สึกติดใจว่าทำไม ร.พ.พัทลุง ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด และทำเสมือนต้องการปิดบังเรื่องบาดแผลของลูกชาย ตนจึงร้องขอให้ทาง รพ.มอ. ส่งเลือดลูกไปตรวจที่ ศูนย์พันธุกรรมศาสตร์ กทม. ซึ่งผลเลือดออกมาว่าลูกชายของตนปกติดีทุกอย่าง เรื่องที่เกิดขึ้นตนได้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง แต่เรื่องก็เงียบ จึงร้องเรียนมายังสื่อมวลชนเพื่อขอความช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว พร้อมแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ร.พ.พัทลุงด้วย เพราะมีความเชื่อว่า บาดแผลที่ศีรษะของลูกชายต้องมีสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงทำให้แผลฉกรรจ์เช่นนั้น

ล่าสุด นพ.จรุง บุญกาญจน์ ผอ.ร.พ.พัทลุง พร้อม พญ.เสริมศรี ปฐมพาณิชรัตน์ รอง ผอ.ร.พ.พัทลุง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมระบุบาดแผลที่ศีรษะทารกดังกล่าว เป็นบาดแผลที่เกิดจากการกดทับ เนื่องจากหลังคลอดทารกไม่ร้อง ไม่หายใจ และตัวเขียว จึงได้ให้กุมารแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมได้ใส่ท่อช่วยหายใจ เบื้องต้นพบว่าเด็กเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และยอมรับว่าในการรักษามีการให้เลือดเด็ก เพราะเด็กเกิดภาวะความดันเลือดต่ำ พร้อมระบุขณะทำคลอดหมอไม่ได้ใช้อุปกรณ์เพื่อใช้ในการทำคลอด เนื่องจากเด็กเอาก้นลง ซึ่งผ่าคลอดง่ายกว่าปกติ

และยืนยันว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นที่บริเวณศีรษะของทารกนั้นเป็นบาดแผลกดทับ เบื้องต้นทาง ร.พ.พัทลุง ได้ให้ทางครอบครัวยื่นคำร้องเพื่อขอความช่วยเหลือเพื่อเยียวยาตามมาตรา 41 ว่าด้วยเรื่อง พรบ.คุ้มครองและการเยียวยา ผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุขแล้วด้วย

ขณะที่ นายสุบิณฑ์ ระบุว่า ตนและครอบครัวไม่เชื่อว่าบาดแผลที่ศีรษะของลูกชายจะเกิดจากแผลกดทับ ทั้งขณะที่ลูกรักษาตัวที่ ร.พ.พัทลุง เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการอธิบายใดๆ เกี่ยวกับบาดแผลดังกล่าวเลยจึงทำให้ติดใจ

ในขณะที่คณะแพทย์ แถลงเพิ่มเติมว่า แผลกดทับในทารกคนดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย เนื่องจากทารกไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เพราะเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และด้วยความที่ผิวหนังศีรษะยังเป็นผิวอ่อนจึงเกิดแผลได้ง่าย โดยระยะเวลาในการเกิดแผลเร็วสุด คือ 3 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน