เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 22 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 นำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สายตรวจ 191 นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.อลิษา บุญญะอินทร์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมาจับ ศาลอาญา ลงวันที่ 6 ก.ย.2560 โดยจับกุมน.ส.อลิษา ได้ที่รพ.แห่งหนึ่งย่านบางนา ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พร้อมกับประสาน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว ร่วมตรวจค้น ทาวน์เฮาส์ เลขที่ 7/221 ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านถนนบางนาตราด ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบของกลาง ยาไอซ์จำนวน 21 กิโลกรัม และยาบ้าอีกกว่า 3 หมื่นเม็ด ค่ากว่า 25 ล้านบาท

 

เบื้องหลังการจับกุมแหล่งซุกยานรกในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหา ชาวลาวได้พร้อมยาบ้า 1 หมื่นเม็ด ได้ที่จ.ปทุมธานี ก่อนที่จะนำมาสอบสวนขยายผล พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีความเชื่อมโยงกับ แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่จากฝั่งลาว โดยติดต่อให้คนไทยนำส่งต่อให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล หลังทราบเบาะแสจึงเฝ้าติดตาม พฤติกรรมของแก๊งยาเสพติดแก๊งนี้มานานนับเดือน

จนทราบว่าน.ส.อลิษาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมกระบวนการ เจ้าหน้าที่จึงขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ จนติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ที่รพ. ขณะที่กำลังพายายไปพบแพทย์

สอบสวนน.ส.อลิษา สารภาพว่า มียาไอซ์และยาบ้ามาซุกซ้อนอยู่ที่ทาวน์เฮ้าส์ภายในหมู่บ้านจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังบุกเข้าตรวจ พบยาเสพติดทั้งหมดอยู่ในกระสอบซุกไว้ในห้องนอน จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามน.ส.อลิษา สารภาพว่า แต่ก่อนตนเคยเป็นแม่ค้าขายลูกชิ้น และได้ประกอบอาชีพอื่นมาหลายอาชีพ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และเป็นหนี้จำนวนมาก จากนั้นจึงเดินทางไปเยี่ยมน้าชาย ซึ่งติดคุก ข้อหายาเสพติด ที่เรือนจำคลองเปรม เพื่อขอคำปรึกษาก่อนที่ น้าชายให้เบอร์โทรชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนายทุนยาเสพติดชาวลาวเพื่อทำงานส่งยา ปัจจุบันน้าชายเสียชีวิตด้วยอุบติเหตุไปแล้ว

ทั้งนี้หลังจากได้เบอร์มาตนจึงตกลงค่าจ้างครั้งแรก 1 แสนบาท จึงทำให้ตนสนใจและเริ่มงานแรกเมื่อต้นปี 60 แต่ละครั้งก็จะมีคนนำมาทิ้งไว้หลังห้างสรรพสินค้าย่านบางนา และโทรให้ตนไปรับมาพักไว้ที่ทาวน์เฮาส์ ซึ่งตนเช่าไว้เดือนละ 1.2 หมื่นบาท ก่อนจะมีลูกค้าโทรมาติดต่อให้ตนไปส่งไว้ตามจุดนัดหมายอีกทอด โดยไม่เคยเห็นหน้าใครมาก่อน เสร็จงานก็จะมีคนโอนค่าจ้างมาให้ครั้งละประมาณ 2 หมื่น ถึง 5 หมื่นบาท ทำมาแล้วหลายสิบครั้ง

ส่วนเงินที่ได้มาก็จะนำไปใช้จ่ายดูแลลูก 2 คน และพ่อแม่ กระทั่งมาถูกจับกุม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางไปที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อแถลงข่าวในช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ย.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน