เมื่อวันที่ 26 ก.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐ วิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อาทิ ผู้บริหารและพนักงานบริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด(มหาชน), บริษัท น้ำมันซันสตาร์ 2004 จำกัด, บริษัท ชวลิตกิจเกษตรเชียงราย จำกัด, บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เอซีซี. อินเตอร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, โรงเรียนพิพัฒน์ราษฎร์บำรุง, นางสาวอรณัฐ มณีนาค และคณะ, ครอบครัววรวัฒนบัญชา, นางพิมพ์เพชร ปิยะศิรประภากร และคณะ, กลุ่มพลังแผ่นดินและวิสาหกิจชุมชนสากล, นางทองมี ธรรมะและคณะ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรต่างพร้อมใจกันเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าเปิดจุดคัดกรองเพียง 2 จุด ได้แก่ จุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีประชาชนเข้าแถวยาวไปตลอดเส้นถนนราชดำเนินใน ล้นไปถนนราชดำเนินนอก ซึ่งยาวไปถึงแยกคอกวัว เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่จุดคัดกรองด้านวงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มีแถวประชาชนต่อคิวยาวตลอดเส้นถนนสนามไชย ล้นไปยังถนนเจริญกรุง ในระยะทางที่ยาวนับเป็นกิโลเมตรเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตลอดเส้นทางรอคอยมีจิตอาสาคอยให้บริการน้ำดื่ม พร้อมมีจุดแจกจ่ายอาหารฟรีให้แก่ประชาชน ที่บริเวณหลังพระแม่ธรณีบีบมวยผม พร้อมรถสุขาเคลื่อนที่ให้บริการด้วย ทั้งนี้เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน ที่สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยวันที่ 30 กันยายน 2560 จะเป็นวันสุดท้าย เพื่อจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 02.02 น. ของวันที่ 26 ก.ย. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก คนสุดท้ายได้ขึ้นกราบ ในเวลา 2.47 น. โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 64,436 คน รวม 327 วัน มี 11,260,388 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,715,056.50 บาท รวม 327 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 834,241,170.01 บาท

นางจันทร์ฉาย พานทอง อายุ 40 ปี อาชีพทำบัญชี พสกนิกรจาก อ.หนองแค จ.สระบุรี เดินทางมาพร้อมครอบครัวและญาติพี่น้อง โดยเดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่ตี 2 และเข้ากราบสักการะพระบรมศพในเวลา 9 โมงเช้า เปิดเผยหลังขึ้นกราบว่า แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสมากราบสักการะพระบรมศพ แต่ก็เป็นความตื้นตันใจมากๆ ได้เห็นและซึมซับบรรยากาศของคนไทยที่พร้อมใจกันมากราบพระองค์เป็นจำนวนมาก โดยมารดาที่มาด้วยกันได้เป็นลมไป แต่ก็ใจสู้เพราะอยากจะเข้าไปกราบมากๆ แล้วได้เข้ากราบในที่สุด

นางจันทร์ฉาย พานทอง อายุ 40 ปี (ขวา)

“ในหลวง ร.9 ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทยในหลายๆ ด้าน ทรงทุ่มเทเพื่อให้คนไทยได้อยู่ดีมีสุข ส่วนตัวน้อมนำในสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดพระชนม์ชีพ โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง และตั้งใจจะเป็นคนดีตามรอยในหลวง ร.9 ตลอดชีวิต เกิดมาอีกกี่ชาติก็ขอให้มีบุญได้เกิดมาใต้ร่มโพธิ์พระบารมีของพระองค์ท่านตลอดไป” นางจันทร์ฉาย กล่าว

น.ส.ละเอียด คำกระโทก และด.ญ.วณิชยา จำปาศรี

น.ส.ละเอียด คำกระโทก อายุ 38 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี กล่าวภายหลังจากได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรกในชีวิตว่า ปลาบปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก วันนี้มาพร้อมเพื่อนบ้านรวม 13 คน โดยเหมารถตู้มาตั้งแต่เวลา 22.00 น.มาถึงบริเวณท้องสนามหลวงเวลา 02.00 น. และได้เข้ากราบเวลา 07.45 น. ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน แต่ไม่ได้เข้ากราบเพราะมีผู้คนมาเป็นจำนวนมาก วันนี้จึงวางแผนใหม่ออกเดินทางช่วงกลางดึกเพื่อให้ได้เข้ากราบคิวแรกๆ

“เพิ่งมีโอกาสได้มาเพราะติดธุระการงาน อยากมากราบพระองค์ท่านสักครั้ง รักท่านมาก พระองค์ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน เป็นความภาคภูมิใจที่ได้เกิดบนแผ่นดินไทย อยู่ใต้ร่วมบรมโพธิสมภารของพระองค์ ตลอดชีวิตเห็นท่านเดินทางบุกป่าฝ่าดงไปทั่วประเทศ ท่านทำนาปลูกข้าวให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทรงหาอาชีพไปให้คนไทยที่เดือดร้อนให้ได้อยู่ได้กิน จะมีใครเสมอเหมือนท่านไม่มีอีกแล้ว ที่ลพบุรีมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่ท่านให้สร้างขึ่นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและเก็บน้ำใช้ยามหน้าแล้ง ทำให้คุณภาพชีวิตประชาชนโดยรอบเขื่อนดีขึ้นมาก” น.ส.ละเอียด กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

ด้าน ด.ญ.วณิชยา จำปาศรี อายุ 14 ปี ที่เดินทางมาด้วยกัน บอกว่า พอทราบว่ามีการนัดแนะกันเพื่อเดินทางมากราบพระบรมศพรีบขอติดตามมาด้วย โดยเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มา นาทีแรกที่ถึงท้องสนามหลวงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะเห็นผู้คนเรือนหมื่นมารอแต่เช้ามืด ถึงแม้จะรอนานแต่เมื่อได้กราบพระบรมศพแล้วตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ส่วนตัวรักและศรัทธาในหลวงร.9 ในแง่เป็นนักคิดค้นและแก้ปัญหา ประทับใจโครงการฝนหลวงที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ พระองค์ท่านสามารถทำให้มีฝนตกในพื้นที่แห้งแล้ง ทำให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ ความมั่งมั่นพยายามทำทุกอย่างให้ประสบตวามสำเร็จ กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อจบออกมาจะได้นำไปประกอบอาชีพและเลี้ยงตัวได้ในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดตั้ง “จิตอาสาเฉพาะกิจ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ” ขึ้น เพื่อเป็นการรวมพลังความรักอันมีค่า รวมพลังน้ำใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่จะน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ก่อนเสด็จสู่สวรรคาลัย โดยเปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. มีประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมสมัครเป็นจิตอาสาจำนวนมาก โดยมียอดผู้ลงทะเบียนวันที่ 26 ก.ย. ว่ามีจำนวน 220,047 คน ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.ย.60 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,230,505 คน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน