สะเทือนใจ! พะยูนท้องแก่เสียชีวิต คาดโดนสมอเรือ “วราวุธ”รมว.ทส.สั่งตรวจสอบด่วน ด้าน“กรมทะเล”เตรียมประกาศมาตรการคุ้มครอง เขตทะเลตรัง

กรณีพบซากพะยูนเพศเมีย ความยาว 2.56 เมตร ความยาววัดแนบลำตัว 2.57 เมตร น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม ท้องป่อง ลอยอยู่ในทะเล ระหว่างเกาะแหวนกับเกาะกระดาน ม.2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง

เมื่อตรวจลักษณะภายนอก มีบาดแผล 3-4 นิ้ว ถูกแทงตามลำตัวจนทะลุม้าม ส่วนที่มุมปากพบว่า เขี้ยวทั้ง 2 ข้างได้ถูกตัดหายไป แต่อวัยวะอื่นๆ ยังอยู่ครบ และผ่าพิสูจน์พบมีลูกน้อยอยู่ในท้องแม่ด้วย นั้น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งนับตั้งแต่กรณีน้องมาเรียมและน้องยามีล สังคมไทยได้บทเรียนเรื่องขยะพลาสติกในทะเลไปแล้ว ครั้งนี้คาดว่าจะเป็นเหตุจากความประมาทของการทิ้งสมอเรือ ส่วนการที่เขี้ยวหายไปคาดว่าเกิดจาการลักลอบตัดไปของผู้ที่พบเห็นซากพะยูน ซึ่งนับว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส กำหนดให้พะยูนเป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ อ.ย่านตาขาว อ.กันตัง และอ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอครม.เพื่อให้ความเห็นชอบ เพื่อจะได้ดำเนินประกาศตามกระบวนการต่อไป ซึ่งจะช่วยดูแลค้มมครองพะยูนในพื้นที่จ.ตรัง

“อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ตนย้ำกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. ให้กำชับและกำกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เราจะต้องสูญเสียพะยูนไปอีกสักกี่ตัวเพื่อเรียนรู้ถึงความผิดพลาดของมนุษย์ อย่าใช้ชีวิตพะยูนเป็นเครื่องสะท้อนความผิดพลาดของเราอีกต่อไปเลย”

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีพะยูนท้องแก่เสียชีวิตเป็นพะยูนเพศเมีย ความยาว 257 ซม. น้ำหนักประมาณ 260 – 270 กก. ลักษณะภายนอก มีบาดแผลประมาณ 3 – 4 นิ้ว บริเวณปากเหมือนถูกตัดเขี้ยวออกไป1ข้าง เบื้องต้นได้ดำเนินการแจ้งความกรณีพบพะยูนเสียชีวิตดังกล่าวไว้ที่สถานีตำรวจ สภ. กันตัง แล้ว

สำหรับการชันสูตรโดยเจ้าหน้าที่ ศวอล. ร่วมกับสัตวแพทย์หญิงปิยฉัตร บัวศรี สัตวแพทย์ประจำสถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีชัยวิทยาเขตตรัง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบว่าเป็นซากพะยูน สภาพซากสด ลักษณะภายนอก มีเพรียงเกาะบริเวณหลังเล็กน้อย

พะยูน ท้องแก่ใกล้คลอด ถูกฆ่าตาย-ตัดเขี้ยว ผ่าท้องเจอภาพสะเทือนใจ

พบบาดแผลรอยบาดจากของมีคมบริเวณด้านหลังส่วนท้าย และพบลักษณะแผลจากการถูกของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกบริเวณส่วนท้ายของลำตัวด้านขวา ทำให้พบรอยช้ำบริเวณรอบบาดแผล ผิวหนังลอกหลุดบริเวณกว้าง และพบกล้ามเนื้อมีรอยช้ำ เกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง โดยแผลทะลุเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อจนถึงอวัยวะภายใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมอเรือ

นอกจากนี้ ยังพบว่าเขี้ยวของพะยูนข้างซ้ายบางส่วน มีรอยตัดจากของมีคมตัด ซึ่งคาดว่าถูกเลาะออกไปภายหลังจากการเสียชีวิตเนื่องจากไม่พบรอยช้ำของบาดแผลโดยรอบ เมื่อเปิดผ่าอวัยวะภายในพบลูกพะยูน ขนาดความยาว 82 ซม. น้ำหนัก 9.2 กก. เพศเมีย อยู่ภายในช่องท้อง คาดอยู่ในช่วงระยะใกล้คลอด

สำหรับเรื่องนี้ทช. ได้เดินหน้าป้องกันแก้ไขปัญหามาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดแผนพะยูนแห่งชาติ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนพะยูนจาก 250 ตัว เป็น 280 ตัว ภายในปี 2565 ซึ่งที่ผ่านมาตนได้กำชับหน่วยงานปฏิบัติการลาดตระเวนและทีมนักวิชาการในการสำรวจ ติดตาม และเฝ้าระวังฝูงพะยูนในทุกพื้นที่ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจลาดตระเวนและรายงานผลแบบเรียลไทม์ สำหรับพะยูนและสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ ด้วย

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณอาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่ห่วงใยทรัพยากรทางทะเลและสัตว์ทะเล และยังให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทราบอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง

นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทางทะเลและชายฝั่ง

ตนอยากฝากย้ำกับพี่น้องประชาชนหากพบการเสียชีวิตหรือเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายาก ขอให้แจ้งหน่วยงานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ต่างๆทันที ห้ามมิให้จับหรือครอบครองทั้งในสภาพที่มีชีวิต หรือแม้แต่เพียงซากชิ้นส่วนใดๆ ของสัตว์เหล่านั้น

ซึ่งจะถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 กำหนดว่าผู้ที่ล่าสัตว์ป่าสงวนต้องระวางโทษจำคุก 3 – 10 ปี ปรับตั้งแต่ 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณี ครอบครองสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน