2 สาวถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม แต่เงินไม่ออก ซ้ำเงินในบัญชียังหายไปตามจำนวนที่ถอน สอบถามธนาคารไม่มีความคืบหน้า บอกแค่ให้รอไปก่อน หอบหลักฐานแจ้งความ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 ม.ค.64 ที่สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.ณัฐณภา พุทธใจยา อายุ 36 ปี ชาวบ้าน บ.ทุ่งเศรษฐี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย น.ส.มุทิตา กังวลงาน อายุ 21 ปี ชาวบ้าน บ.หนองใหญ่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำหลักฐานทั้งจากสมุดบัญชีธนาคาร และสลิปการถอนเงินจากแอพพลิเคชั่นของธนาคารแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ติดตามกับทางธนาคารเพื่อขอเงินคืน

ภายหลังจากที่ทั้ง 2 คน กดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ปากซอยประชาสโมสร 50 ริมถนนประชาสโมสร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่ไม่มีเงินออกมาจากตู้ แต่กลับถูกหักเงินในบัญชีไปตามยอดที่ถอน

น.ส.ณัฐณภา กล่าวว่า มีอาชีพรับจ้างทำงานในร้านตัดเย็บกระเป๋า พอมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว โดยเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ และเบิกเงินผ่านการกดเอทีเอ็ม ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาใดๆ จนกระทั่งวันที่ 30 ธ.ค. ปีที่ผ่านมา ไปกดเอทีเอ็มที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 4,700 บาท เพื่อจะเอาไปจ่ายค่างวดรถ แต่เงินไม่ออกมา มีเพียงบัตรเอทีเอ็มเด้งออกจากตู้ จึงคิดว่าเงินหมด และตู้ก็ไม่มีข้อความเตือนแต่อย่างใด

จากนั้นจึงไปกดเอทีเอ็มที่ตู้ของธนาคารกรุงเทพ ปรากฏว่ามีข้อความเตือนขึ้นมาว่า ‘เงินในบัญชีไม่มี ไม่สามารถกดเงินออกมาได้’ จึงรีบกลับไปที่ตู้ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่เดิมก็ไม่มีเงิน สอบถามชาวบ้านในละแวกนั้น ซึ่งชาวบ้านบอกว่ายังไม่มีใครมากดต่อ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า ตู้ดังกล่าวเคยมีปัญหาแบบนี้มาตลอด ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งไปยังธนาคารกรุงเทพ ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า ให้แจ้งไปยังธนาคารไทยพาณิชย์เจ้าของตู้เอทีเอ็ม เพื่อขอเงินคืนเพราะหักเงินจากบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว

“หลังจากที่สอบถามทางธนาคารกรุงเทพเสร็จ จึงติดต่อกับธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับคำตอบว่าให้รอไปก่อน ธนาคารจะดำเนินการตามระบบของธนาคาร อีกทั้งเป็นวันหยุดยาว ธนาคารไม่สามารถดำเนินการใดๆให้ได้ ให้รอรอบการเปิดตู้เอทีเอ็มไปก่อน จึงรอมาจนถึงวันนี้ ซึ่งธนาคารเปิดทำการตามปกติแล้ว แต่ทางธนาคารก็ยังเงียบ ไม่มีคำตอบให้ จึงเกิดความร้อนใจ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถ ซึ่งทำให้เกิดหนี้สะสม และอาจจะคิดค่าการจ่ายล่าช้า

รวมถึงดอกเบี้ยต่างๆ อีก จึงตัดสินใจมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องดังกล่าวไว้ และช่วยประสานกับทางธนาคารเจ้าของตู้เอทีเอ็มนำเงินมาคืน ถึงแม้จะน้อย แต่มีค่าสำหรับคนยากจนมาก” น.ส.ณัฐณภา กล่าว

ขณะที่ น.ส.มุทิตา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ไปกดเงินจำนวน 1,000 บาท เพื่อมาซื้อกับข้าว และของใช้เข้าบ้าน ที่ตู้เอทีเอ็มจุดเดียวกับของ น.ส.ณัฐณภา แต่เงินไม่ออกมา มีเพียงบัตรเอทีเอ็มเด้งออกมาเท่านั้น ไม่นานก็มีข้อความจากแอพพลิเคชันของธนาคารกสิกรไทยแจ้งว่า ได้ถอนเงินแล้วจำนวน 1,000 บาท ซึ่งเบิกจากการกดเอทีเอ็มจริง แต่ไม่ได้เงิน จึงรีบไปที่ธนาคารกสิกรไทยเพื่อแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น

ทางธนาคารประสานไปยังธนาคารเจ้าของตู้เอทีเอ็ม ซึ่งได้รับคำตอบว่าให้รอไปก่อน ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการ เมื่อถามว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนหรือจะได้เงินคืนเมื่อใด ซึ่งได้รับคำตอบว่า รอไปก่อน จึงเกิดความไม่เชื่อ จึงชวนกันมาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินการให้ดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน