เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางแสงระวี บงกชมาศ อายุ 57 ปี เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.มนตรี บุญยโยธิน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เพื่อร้องเรียนกรณีที่ดินบริเวณ ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ จำนวน 75 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ตกทอดมาจากพ่อของตนเอง ถูกกลุ่มนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐ นำไปออกโฉนดร่วมกับที่ดินแปลงอื่นรวม 51 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ ก่อนถูกกลั่นแกล้ง โดยการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ และถูกศาลพิพากษาจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมปรับเงินอีกจำนวนหนึ่ง
นางแสงระวี กล่าวว่า อยากให้ดีเอสไอตรวจสอบการดำเนินการออกฉโนดที่ดินของกลุ่มนายทุน ที่นำที่ดินที่ตนเคยครอบครองไปออกเอกสารสิทธิ์ จำนวน 6 แปลง 26 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินติดริมทะเล ซึ่งตนเคยถูกจับดำเนินคดีข้อหาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2545 ศาลฎีกาได้พิพากษาว่ามีความผิดจริง และมีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมรอลงอาญา 2 ปี
นางแสงระวี กล่าวต่อว่า โดยก่อนหน้านี้ตนมีที่ดินเนื้อที่ 75 ไร่ บริเวณ ม.3 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ต่อมาในปี 2548 ที่ดินดังกล่าว กลับถูกออกโฉนดโดยไม่มีการถูกฟ้องร้อง เรื่องบุกรุกเหมือนกับตน พร้อมกันนี้ตนเชื่อว่าการออกโฉนดมีผู้มีอิทธิพล นายทุนระดับประเทศเกี่ยวข้อง หลังจากการดำเนินการตรวจสอบและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดินไม่มีความคืบหน้า ตนจึงเข้าร้องเรียนต่อดีเอสไอ
นางแสงระวี กล่าวอีกว่า ซึ่งที่ดินของตนได้รับการตกทอดมาจากพ่อ ต่อมามีกลุ่มนายทุน นักการเมือง ร่วมกับข้าราชการ ออกเอกสารสิทธิ์โดยเดินสำรวจและทำให้ตนถูกจับกุมข้อหาครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ จากนั้นที่ดินแปลงดังกล่าว ถูกกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลอื่น นำไปออกเอกสารสิทธิ์เต็มแปลง โดยปัจจุบันที่ดินแปลงดังกล่าว ถูกนายหน้าเสนอขายราคาไร่ละ 20-30 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.ท.มนตรี กล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2552 ขณะนี้กำลังส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่าผิดจริงจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 39 แปลง ในจำนวนนี้เป็นการออกโฉนดใน จำนวน 33 แปลง ซึ่งถูกร้องเรียนว่าทับซ้อนกับที่ดินของชาวบ้าน 6 แปลง ทั้งนี้ การที่มาร้องเรียนจะลงไปตรวจสอบว่าเป็นการบุกรุก จากกลุ่มนายทุนระดับข้าราชหรือไม่
