แม่บ้านโรงแรมสุดช็อก จู่ๆ เจ้าของกระเป๋าแจ้งจับ หลังเก็บได้เตรียมส่งคืน อ้างเงินหาย 4 หมื่น ทั้งที่มีแค่ 200 บาท ตร.เรียกเจรจา ต้องกู้ดอกร้อยละ 10 มาคืนให้
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
วันที่ 2 ก.พ.64 ร.ต.ท.ศราวุธ ศิลป์สาย รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เรียกตัว นางผ่องศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี แม่บ้านโรงแรมดัง เพื่อให้มาพบ หลังจาก นายพยม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ม.ค.64 นางผ่องศรี เก็บกระเป๋าผ้าที่ทำตกระหว่างเดินทางใกล้ที่พัก ซอยบุยายใบ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 ม.ค.64 โดยที่ในกระเป๋ามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และเงินสด 4 หมื่นบาท ที่จะเอาไปเข้าธนาคาร แล้วไม่ส่งคืนถือว่าเป็นการลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
- อ่านข่าว แม่สุดภูมิใจ ลูกชายซื่อสัตย์ ลูกค้าถูกหวย 12 ล้าน ไปแจ้งความให้
- อ่านข่าว อาถรรพ์พญานาค! ยายเล่าหลาน 5 ขวบเดินไปในบ่อ ชาวบ้านสร้างศาล-รูปปั้น
- อ่านข่าว สาวอุ้มลูกวิ่งหนีสุดชีวิต คนร้ายปีนเข้าบ้าน ซื้อบ้าน10ล้าน ไม่เป็นอย่างที่คิด
โดยวันนี้ นางผ่องศรี พร้อมด้วย นายเสน่ห์ ซึ่งเป็นสามี เดินทางมาพบ ร.ต.ท.ศราวุธ เพื่อพูดคุยข้อตกลงกับ นายพยม เนื่องจาก นายพยม อ้างว่า นางผ่องศรี เก็บถุงผ้าได้แต่ส่งของหรือทรัพย์สินในถุงไม่ครบ ยังขาดเงินอีก 4 หมื่นบาท
นางผ่องศรี เปิดเผยว่า ช่วงก่อนที่ตนจะเก็บถุงผ้าที่มีโทรศัพท์ กับบัตรเอทีเอ็ม และเงิน 200 บาท ขณะที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ ข้างห้องพักแล้วได้ยินเสียงกระทบ จึงหันมาดูพบว่าเป็นถุงถูกรถทับอยู่ข้างถนน จึงเดินมาดูพบว่าข้างในมีสิ่งของดังกล่าว จึงเก็บเพื่อรอเจ้าของจะกลับมาตาม แต่เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ 2 ทุ่ม ตนจึงเก็บรักษาเอาไว้เพื่อจะหาเจ้าอีกทีในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏก็ว่าไม่มีใครมาแสองตัวเป็นเจ้าของ
จนเลยมาถึงวันที่ 22 ม.ค. มีหมายจากตำรวจเรียกไปพบแจ้งว่า ถูกเจ้าของที่ตนเก็บไว้แจ้งว่าเป็นผู้เก็บของไว้ไม่ส่งคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดโอกาสให้เจรจาตกลงกัน โดยให้ตนจ่ายเงิน จำนวน 4 หมื่นบาทคืนแล้วจะไม่ถูกดำเนินคดี
แต่หากไม่คืนจะถูกตั้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ทั้งที่ความจริงในกระเป๋าไม่มีเงิน 4 หมื่นบาทตามที่อ้าง ทำให้ตนแปลกใจว่าถ้าเงินหายจริง ทำไมผู้เป็นเจ้าของถึงไม่แจ้งในคืนที่หาย แต่รออีกหนึ่งวันจึงมาแจ้งเอาผิดตน หลังตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดว่าตนเป็นคนเก็บได้
ซึ่งระหว่างเจรจาตนเหมือนถูกข่มขู่ว่าจะโดนข้อหาทำให้เกิดความเครียด กลัวต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ต่อมามีการยินยอมลดเงิน 4 หมื่นบาท เหลือ 3 หมื่นบาท ด้วยความกลัวตนจึงไปกู้เงินมา 2 หมื่นบาท โดยเสียดอกร้อยละ 10 บาท เพื่อจะขอจ่ายก่อน ที่เหลืออีกหมื่นขอจ่ายสิ้นเดือน ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เพราะตนเป็นคนเดียวที่มีรายได้ หากต้องขึ้นศาลจริงก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตนขอยืนยันว่าในถุงไม่เงิน 4 หมื่นบาท จะให้สาบานที่ไหนก็ยอม
