วันที่ 31 ต.ค. พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธีรพงษ์ องอาจ สว.สส., พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส. พร้อมฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณไร่อ้อย เขตรอยต่อระหว่างหมู่บ้านไร่ และหมู่บ้านคำกลิ้ง ตรงข้ามอ่างเก็บน้ำหนองทา ถ.อุดร-วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อหาหลักฐานร่องอยของคนร้ายที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 12 ปี ทั้งจุดที่ดักฉุดบริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน และห่างออกไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นถนนทางเข้าไร่อ้อยลึกประมาณ 400 เมตร โดยมีรอยล้อรถจยย.ที่คาดวาเป็นรถของคนร้าย พร้อมหาหลักฐานเสื้อแขนยาวที่มีตราของเทศบาลแห่งหนึ่งและกางเกงฟุตบอลขาสั้นสีเลือดหมู ของทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่า ที่คนร้ายใช้สวมใส่

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.พิษณุโลก พร้อมด้วย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี พ่อและน้า ของ ด.ญ.ซี (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภานุวัฒน์ ภูชื่นบาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ว่าในช่วงเช้า ด.ญ.ซี ได้ขี่รถจยย.ฮอนด้า ออกจากบ้านพักเพื่อไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน ห่างจากบ้านพักประมาณ 3 กิโลเมตร และช่วงขากลับกำลังจะเลี้ยวเข้าบ้านได้ถูกชายวัยรุ่นอายุประมาณ 17-20 ปี ผมเกรียน สวมเสื้อวอร์มสีน้ำเงิน มีตราของเทศบาลแห่งหนึ่งที่หน้าอก สวมกางเกงกีฬาขาสั้นของทีมฟุตบอลบาร์เซโลน่า รองเท้าสีดำ ขี่รถจยย.ฮอนด้าคลิก สีขาว สภาพใหม่เอี่ยม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ดักฉุด ด.ญ.ซี บังคับขึ้นรถจยย. แล้วพาไปในป่าอ้อย ห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่

จากนั้น ด.ญ.ซี ได้พยายยามต่อสู้วิ่งออกมาจนล้มกลิ้งกลางถนนที่เจิ่งนองไปด้วยโคลน โดยคนร้ายได้ใช้มีดพับที่พกมาข่มขู่ห้ามนำเรื่องไปบอกใครไม่งั้นจะฆ่าให้ตาย ระหว่างนั้นก็มีคนร้ายอีก 1 คน ขี่รถจยย.ของ ด.ญ.ซี ตามมา ก่อนจะจอดไว้ที่ป่าอ้อย แล้วพาคนร้ายที่ลงมือข่มขืนขึ้นรถขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วน ด.ญ.ซี ก็ได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง

หลังจากลงบันทึกแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัว ด.ญ.ซี ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอุดรธานี เพื่อหาร่องรอยการข่มขืน รวมถึงบาดแผลที่อวัยวะเพศ โดยแพทย์ได้ฉีดยาป้องกันการติดเชื้อรวมถึงป้องกันการตั้งครรภ์ จากนั้นได้เข้าพบกับ น.ส.ไขศรี สิรินำบุญทวี นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ศูนย์พึ่งได้ เพื่อซักประวัติและเหตุการณ์ โดยทางศูนย์พึ่งได้ ได้ทำหนังสือส่งต่อไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานี เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามสิทธิ ในคดีทางเพศ และช่วยเหลือในด้านคดีความ และนัดผู้เสียหายให้มาตรวจอีกครั้งในวันที่ 7 พ.ย. เพื่อตรวจหาเชื้อการมีเพศสัมพันธ์ และเข้าสู่กระบวนการปรับสภาพจิตใจ เพื่อไม่ให้เกิดโรคซึมเศร้า ป้องการคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพื่อให้เด็กกลับคืนสู่สังคมโดยปกติ และหากเด็กไม่สามารถอยู่ที่โรงเรียนเดิมได้ต้องหาที่เรียนใหม่ให้เด็กเป็นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โดยจะมีที่ จ.หนองคาย หรือ จ.เลย ต้องรอดูอาการของเด็กเสียก่อน

ด้านน.ส.บี น้าของเด็ก เปิดเผยว่า พ่อของ ด.ญ.ซี เป็นชาว จ.พิษณุโลก และแยกทางกับแม่ของ ด.ญ.ซี ที่เป็นพี่สาวของตน ซึ่งได้ไปทำงานที่ต่างจังหวัด จึงได้ให้ ด.ญ.ซี มาอยู่ในความปกครองของตนได้ประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา และเพิ่งจะเข้าเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนใกล้บ้าน ก่อนเกิดเหตุตนติดธุระจึงได้วานให้ ด.ญ.ซี ขี่รถจยย.ไปส่งลูกสาวของตนที่โรงเรียนในตอนเช้าแล้วกลับมาบ้าน แต่ได้หายตัวไปจึงได้พากันออกตามหา จนพบว่า มีชาวบ้านช่วยเหลือในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวเปื้อนโคลน และร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อพากลับบ้านไปชำระร่างกายก็พบว่าตามต้นขามีคราบอสุจิ เมื่อสอบถามจนแน่ชัด เด็กก็เล่าให้ฟังว่าถูกผู้ชายบังคับไปข่มขืนในป่าอ้อย ก่อนจะเข้าแจ้งความดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน