ชาวบ้านในโครงการบ้านเคหะ ร้องสื่อมวลชน หลังถูกหมู่บ้านติดกัน สร้างไม้กั้นปิดทางเข้าออก เก็บเงินรายปี ละเมิดข้อตกลงภาระจำยอม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในโครงการบ้านเคหะจังหวัดระยอง สาขา 1 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง ถูกโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่งปิดกั้นทางเข้าออก จนทำให้ผู้อาศัยในโครงการบ้านเคหะบ้านกว่า 1,000 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน

นางเทียมจิต ไชยสุรินทร์ อายุ 64 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านการเคหะระยองสาขา 1 เปิดเผยว่า ตนในฐานะตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ทางหมู่บ้านแห่งนี้ ปิดกั้นทางเข้าออก โดยออกกฎว่าหากใครต้องการผ่านเข้าออกต้องทำบัตรใบละ 200 บาท ต่อปี หนึ่งหลังคาเรือนทำได้ 2 ใบ หากต้องการทำใบที่ 3 ต้องจ่ายเป็นเงิน 500 บาท

 

ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะหากไม่จ่ายต้องใช้อีกเส้นทางที่อ้อมถึง 3 กม. ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ทุกคนสามารถใช้ได้ไม่ต้องเสียค่าผ่านทาง เพราะทางหมู่บ้านได้ทำภาระจำยอมกับทางเคหะฯ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่กลับมาติดตั้งไม้กั้นอัตโนมัติ เก็บเงินค่าผ่านทาง

จนทำให้เดือดร้อนกันหมดทั้งเด็กนักเรียน พนักงานโรงงาน พนักงานส่งอาหาร ที่ต้องลำบากในการเดินทาง ซึ่งทางตรงปกติที่ผ่านหมู่บ้านมีระยะทางเพียง 900 เมตร แต่หากต้องอ้อมไปจะมีระยะทางกว่า 3 กม. จึงต้องการให้เปิดทาง

นางรวีวรรณ สุธรประพันธ์ ชาวบ้านการเคหะฯ เปิดเผยว่า ทำไมต้องมารีดเลือดกับปู เพราะทุกคนมีต้นทุนชีวิตต่างกัน เงิน 200 บาท ในการทำบัตรผ่าน อาจจะไม่มากสำหรับคนในหมู่บ้านนั้น แต่กับชาวบ้านหาชาวกินค่ำ ก็ถือว่ามาก ที่สำคัญยังถูกแบ่งชั้นจากคณะกรรมการบางคน ที่มองว่าคนในการเคหะฯ เป็นอันตราย กลัวจะไม่ปลอดภัย จึงต้องการให้เก็บเงินค่าผ่านต่อไป

ด้านนายเฉลิมพงษ์ เนตรพฤษรัตน์ ทนายความ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว ระบุว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อข้อตกลง หรือภาวะจำยอม ระหว่าง 2 หมู่บ้าน ที่มีข้อตกลงให้ใช้ถนนร่วมกัน แม้จะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปก็ตาม จึงต้องเปิดให้ทุกคนวิ่งผ่านเข้าออกได้โดยไม่สามารถปิดกั้นใด ๆ แต่คณะกรรมการกลับยังคงดึงดันไม่ยอมรับฟัง

น.ส.ศศินันท์ สุภาพงศ์ หัวหน้าสำนักงานการเคหะจังหวัดระยองสาขา 1 กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในการเคะหะฯ ซึ่งได้มีการประสานไปยังคณะกรรมการหมู่บ้านดังกล่าวแล้ว โดยนำหลักฐานคือหนังสือภาวะยินยอมที่ลงชื่อระหว่าง 2 หมู่บ้าน โดยได้ให้ทางคณะกรรมการทบทวนเพื่อเปิดเส้นทางเหมือนที่ผ่านมา โดยจะมีการนัดเจรจากันอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน