จากกรณีภาพวงจรปิดภายในอาคารจอดรถภายในสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถบันทึกภาพ ขณะที่คนร้ายชายขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ฮอนด้า สีแดง หมายเลขทะเบียน ภธ 3530 กทม. เข้ามาจอดภายในอาคารจอดรถ ก่อนจะลงมาเดินสำรวจที่เกิดเหตุว่าปลอดผู้คนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าปลอดคน จึงใช้เกรียงโป๊วสีรถยนต์ งัดเอาโลโก้ยี่ห้อรถของผู้เสียหายคันหนึ่งที่จอดไว้ในอาคารจอดรถ ใช้เวลาก่อเหตุเพียงไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะขึ้นรถขับออกจากจุดเกิดเหตุ
ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุม สามารถบันทึกเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันของผู้ต้องหารายนี้ ไว้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งภายหลังก่อเหตุได้ขับออกจากอาคารจอดรถและกล้องวงจรปิดบริเวณตู้จ่ายเงินสามารถจับภาพใบหน้าของผู้ต้องหาได้อย่าสงชัดเจน จึงถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับศูนย์ปฎิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใช้เป็นเบาะแสติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ฝ่ายสืบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิร่วมกับศูนย์ปฎิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำกำลังจับกุม นายพร้อมพล แจ่มอุลิตรัตน์ อายุ 32 ปี ขณะกำลังขับรถออกจากห้องพักย่านคลองจั่น ตามหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา ลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกต่อการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ศูนย์ปฎิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากการสอบประวัติพบว่า มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ราย โดยเพียงแค่ 2-3 วันที่ผ่านมา เจ้าตัวก่อเหตุมาแล้วถึง 7 ครั้ง นอกจากนั้นยังพบว่าผู้ต้องหาตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายท้องที่ ทั้งภายในซอย ลาดพร้าว 93 และล่าสุด ภายในอาคารจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านถนนศรีนครินทร์ พื้นที่ของสน.ประเวศ จนกลายเป็นคลิปโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังจากที่ผู้เสียหายได้นำวงจรปิดจากกล้องหน้ารถมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊คเพื่อเตือนภัย
ผู้ต้องหาให้การว่า มีอาชีพเป็นช่างภาพอิสระรับจ้างถ่ายภาพงานต่างๆ มาช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยมีงานจ้างจึงทำให้ไม่มีรายได้ ประกอบกับตนเองชื่นชอบรถฮอนด้าและเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มรถแต่งฮอนด้า จึงตัดสินใจตระเวนก่อเหตุลักโลโกแต่งพื้นแดงมาโพสต์ขายในกลุ่มเฟสบุ๊คในอันละราคา 300-500 บาท หลังจากโพสต์ไม่กี่วันก็มีคนเข้ามาติดต่อซื้อทำให้ตนเองคิดว่าขายง่ายและได้เงินเร็ว จึงตัดสินใจตระเวนก่อเหตุเรื่อยมา ทำมาแล้วประมาณ 2 เดือน โดยจะเลือกก่อเหตุเฉพาะโลโก้รถแต่งยี่ห้อนี้เท่านั้น
ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งประสานไปยังพื้นที่ต่างๆที่มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ เพื่ออายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
