เมื่อวันที่ 14 พ.ย. น.ส.ฉันชนก อายุ 16 ปี เข้าขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับกรณี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่ตนต้องเสียลูกชายไป เพราะการทำคลอดของแพทย์รพ.แห่งหนึ่งในจ.ระยอง ที่ทำคลอดบุตรชายออกมาแล้วไหปลาร้าหลุด แขนหัก ไตวาย และภายในบอบช้ำ ต้องส่งต่อไปรักษาที่รพ.ของจังหวัด โดยแพทย์รพ.จังหวัดบอกว่าไหปลาร้าหลุด แขนหัก ไตวาย ภายในร่างกายบอบช้ำ และเสียชีวิตในวันที่ 5 ก.ย. หลังจากคลอด เพียง 3 วัน จึงเข้าแจ้งความไว้แล้วที่สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับรพ.ดังกล่าวที่ทำคลอดผิดวิธี จนทำให้ลูกชายเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทั้งที่เด็กมีร่างกายแข็งแรง

น.ส.ฉันชนก เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตนเองตั้งท้องมา 8 เดือน 27 วัน เกิดน้ำคร่ำเดิน เวลา 13.30 น.วันที่ 2 ก.ย.60 จึงเดินทางไปยังรพ.ทันที โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที เพราะบ้านพักอยู่ใกล้กับโรงพยาบาล พอถึงห้องคลอดพยายาลประจำห้องคลอด บอกให้ถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออก แล้วใส่ชุดของรพ.พร้อมนำขึ้นขาหยั่งเตรียมทำคลอด แพทย์ก็เข้ามาแล้วใช้นิ้วตรวจสอบในช่องคลอด และอัลตร้าซาวน์ หลังตรวจเสร็จบอกว่าเด็กยังไม่กลับหัว ต้องคลอดท่าก้น ซึ่งขณะนั้นตนก็ไม่รู้สึกปวดท้องเลย จึงบอกแพทย์ไปเพราะกลัวว่าเด็กจะเป็นอันตราย แต่แพทย์ก็พยายามใช้มือช่วยดึงศีรษะเด็กออกมา และให้ตนเองเบ่งโดยใช้เวลาอยู่ร่วมชั่วโมง เด็กก็คลอดออกมาเป็นเด็กผู้ชายแต่แปลกใจไม่มีเสียงร้องของเด็กเลย

ก่อนนำเด็กออกไปทันทีและเย็บบาดแผลให้ตน พร้อมทั้งให้นอนคลึงท้อง พยายามถามถึงลูกชายว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะอยากเห็นหน้า ซึ่งตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วว่า น้องสตังค์ ชื่อจริงว่าด.ช.ปาฏีหาริย์ ทัพแว่ว เพราะรู้ก่อนล่วงหน้าว่าเป็นเด็กชาย พยายามจะขอดูหน้าเด็ก แต่พยาบาลบอกว่าให้นอนพักรักษาตัวก่อน เพราะเสียเลือดไปมาก จึงนอนอยู่ในห้องพักฟื้นถึง 3 วัน โดยไม่ทราบชะตากรรมของลูกชายเลย จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าลูกชายที่เพิ่งคลอดต้องส่งไปรักษาตัวที่รพ.จังหวัด เพราะไหปลาร้าหลุด แขนหัก ไตวาย ภายในร่างกายฟกช้ำ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจรักษาตัวอยู่ภายในห้องไอซียู

น.ส.ฉันชนก กล่าวต่อว่า ต่อมาจึงเดินทางไปที่รพ.เมื่อเข้าไปพบลูกชายครั้งแรก ก็แทบใจสลายกับภาพลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมสายเครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มตัว รีบเข้าไปดูขอพยาบาลอุ้มแต่ไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งลงข้างตัวลูก พร่ำพูดเหมือนคนเสียสตินั่งอยู่นานนับชั่วโมง จนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม จึงจำเป็นต้องกลับโดยที่ไม่อยากจากลูกไปไหนเลย จึงนำเอาหมวกลูกติดตัวกลับไปด้วยเพื่อแทนตัวลูก

“วันต่อมาเสมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ทางรพ.โทรมาแจ้งว่าน้องสตังค์เสียชีวิตแล้ว แทบล้มทั้งยืนตัวชาไปหมด พอไปถึงกำลังจะเดินไปในห้องไอซียู ก็พบเจ้าหน้าที่บุรุษพยาบาลอุ้มเด็กสวนออกมา ตนเองจำได้ว่าเป็นลูกชาย จคงรีบเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นก็เข้าไปขออุ้มบอกว่าเป็นแม่เด็ก เจ้าหน้าที่ก็ยอม โดยบอกให้ลูกฟื้นตลอดเวลา จนกระทั่งทางมารดาของตนต้องเข้ามาปลอบให้เขาพาลูกไป หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มันเสียใจจนใจแทบสลายกับการสูญเสีย” น.ส.ฉันชนก กล่าว

ต่อมาหลังจากตั้งสติก็เข้าแจ้งความที่สภ.ปลวกแดง เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของลูก ทั้งๆที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์ แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะความสะเพร่าของแพทย์ที่ทำให้ลูกตาย ทางตำรวจก็ได้รับแจ้งความไว้ในระหว่างนั้นทางเจ้าหน้าที่รพ.ดังกล่าว ส่งเจ้าหน้าที่มาขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้น และบอกว่าพร้อมรับผิดชอบ แต่ก็เงียบหายไป จนถึงวันนี้ 2 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งๆที่เคยเดินทางไปร้องที่สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดระยองแล้ว

ส่วนศพของลูกชายหลังชันสูตร ผลออกมากลับไม่ระบุว่าไห้ปลาหลุด แขนหัก แต่กลับระบุว่าเสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงตัดสินใจยังไม่ยอมรับศพออกมา ซึ่งจะรอจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมจึงจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี จึงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย โดยเฉพาะสาธารณะสุขจ.ระยอง ที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่กำกับดูแลรพ.ซึ่งเตรียมเดินทางไปขอความเป็นธรรมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน