ตำรวจ นครพนม ลุยสอบปากคำ แม่ชีห่มแดง อ้างสำเร็จอรหันต์ ตุ๋นเหยื่อทำบุญได้ทอง เปิดปากอ้าง คนทำบุญโลภเอง-ได้เงินคืนต้องมีฤกษ์

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม นำหมายศาลเข้าทำการจับกุม แม่ชีอิสรีย์ หรือ พระยาธรรมิกราย หรือ น.ส.อิสรีย์ หรือ อู๋ อายุ 49 ปี เจ้าสำนักปฏิบัติวิปัสสนาพระพุทธสิกขี บ.ดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม หลังอ้างตนเป็นผู้สำเร็จอรหันต์กายทิพย์ ตั้งกองทุนผ้าป่าทองคำ ตุ๋นญาติโยมทำบุญกองละ 3,559 บาท ผู้ร่วมทำบุญจะได้ทองคำรูปพรรณหนัก 1 สลึงเป็นค่าตอบแทน แล้วนำไปขายได้กำไรส่วนต่าง มีผู้หลงเชื่อเป็นเหยื่อเสียหาย 400 ราย มูลค่ากว่า 10 ล้าน ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 28 เม.ย.2564 ที่สภ.เมืองนครพนม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปลี่ยนชุด แม่ชีอิสรีย์ จากจีวรแดงเป็นชุดขาว ช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวแม่ชีอิสรีย์สอบปากคำเพิ่มเติมตลอดทั้งคืน หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ขณะตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำเบื้องต้น แม่ชีอิสรีย์ ยังคงให้การพูดวกวนไปมา อ้างว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย มีอาการคล้ายคนป่วยทางจิต อ้างตลอดเวลาว่า เป็นอริยบุคคลตามศาสนา และเป็นพระอรหันต์ที่บรรลุธรรมทางศาสนา

ตำรวจ นครพนม ลุยสอบปากคำ แม่ชีห่มแดง อ้างสำเร็จอรหันต์ ตุ๋นเหยื่อทำบุญได้ทอง

ตำรวจ นครพนม ลุยสอบปากคำ แม่ชีห่มแดง อ้างสำเร็จอรหันต์ ตุ๋นเหยื่อทำบุญได้ทอง

แม่ชีอิสรีย์ ให้การอ้างด้วยว่า ตนเทียบเท่าอริยสงฆ์ ไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่รับรู้สิ่งใดในโลกนี้ ส่วนการจัดตั้งกองทุนผ้าป่า เป็นการทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนยากจน แต่จะมีเวลาคืนเงินให้ตามความเชื่อศรัทธา จะต้องมีฤกษ์ยาม ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคืนให้ แต่คนที่มาร่วมทำบุญเกิดความโลภจึงเกิดปัญหา ซึ่งหากทุกคนรอตามเวลากำหนดจะได้รับเงินคืน

หลังจากสอบปากคำเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม คุมตัวแม่ชีอิสรีย์ในชุดห่มขาว ไปสอบสวน ที่ สภ.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี ก่อนรวบรวยพยานหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับกุมที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว

ด้าน ว่าที่ ร.ต.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครพนม กล่าวว่า แม่ชีอิสรีย์ หรือที่อ้างตนเป็น พระยาธรรมมิกราช ถือว่าเป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีตำแหน่งทางสงฆ์ และไม่มีตามพระธรรมวินัย หรือ ระเบียบสงฆ์ เสมือนแม่ชีธรรมดา หรือเป็นบุคคลธรรมดาตามกฎหมาย หากกระทำผิดทางกฎหมาย ให้ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้เช่นบุคคลทั่วไป ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ เป็นเพียงการอ้างตัวขึ้นมาเอง

ส่วนพื้นที่ปฏิบัติธรรมดังกล่าว ตรวจสอบพบว่าไม่มีการขออนุญาตก่อตั้ง จัดตั้งขึ้นเองในพื้นที่ส่วนบุคคล สามารถปฏิบัติธรรมได้ แต่ต้องไม่กระทำผิดกฎหมาย ส่วนพระโชคชัย สุภัทโท อายุ 36 ปี ที่เข้ามาพักอ้างว่ามาปฏิบัติธรรมนั้น พื้นเพเดิมอยู่วัดราชบำรุง ต.โพธิ์ทะเล อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี พบว่าไม่มีส่วนกระทำผิด จึงนิมนต์ส่งตัวกลับวัดที่ต้นสังกัด ส่วนแม่ชีทั้ง 3 คน ตำรวจยังคงดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน