เมียร่ำไห้โฮ วอนผบ.ตร.ช่วยคลี่คดี ผัวโดนยิงดับขณะเข้าป่า ยังจับคนผิดไม่ได้ เผยขึ้นเขาไปล่าสัตว์แต่เพื่อนอ้างถูกหมูป่ากัดตาย ผลชันสูตรระบุถูกยิงกระสุนฝังใน

เมื่อวันที่ 17 พ.ค.64 นางเมือง ขันอ่อน อายุ 58 ปี ชาว อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก พร้อมญาติพากันมาร้องผ่านสื่อมวลชน เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากสามีถูกยิงเสียชีวิตกลางป่า แต่คดีไม่มีความคืบหน้า จึงต้องร้องผ่านสื่อ พร้อมนำใบมรณบัตรและรูปภาพสามีที่เสียชีวิต มาเป็นหลักฐานยืนยันด้วย เพื่อให้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

นางเมือง เปิดเผยว่า ตนเป็นภรรยาของนายโอไร ขันอ่อน อายุ 58 ปี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตอยู่กลางป่าบนเขาแม่รัก หรือเขาหลักเหว้า ท้ายหมู่บ้านขอนสองสลึง หมู่ 2 ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 9 กิโลเมตร หลังจากสามีเดินทางไปล่าหมูป่ากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง

นางเมือง กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนบ้านมาชวนสามีของตนขึ้นไปบนเขา ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. แต่สามีบอกว่ายังไม่ว่าง กระทั่งวันที่ 4 เม.ย. สามีกับเพื่อนขึ้นไปบนเขา เพื่อไปหาล่าหมูป่ากัน กระทั่งเวลาประมาณทุ่มกว่าสามีโทรมาหาตนบอกว่าอยู่บนเขากับพี่ที่ไปด้วยกัน 2 คนเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่คุยโทรศัพท์สามีบอกว่าเพื่อนคนที่ไปด้วยกำลังเดินมาหา สามีปิดโทรศัพท์ หากสามีเปิดโทรศัพท์อยู่ตนจะได้ยินเสียงตอนนั้นแน่นอน เวลาผ่านไปประมาณ 2 ทุ่มเพื่อนสามี โทรมาตนให้ขึ้นไปบนเขากับลูกชาย 2 คน และห้ามบอกใคร ตนปฏิเสธบอกไม่ไป เพราะกลัว และช่วง 4 ทุ่มยังโทรมาหาตนอีก เพื่อจะให้ตนขึ้นไปบนเขาให้ได้

ภรรยาผู้ตาย กล่าวอีกว่า สามีของตนเคยสั่งเอาไว้ว่า อย่าให้ตนขึ้นเขาตามไปบนเขา เพราะถ้าขึ้นตามไปตายอย่างเดียว สามียังกำชับอีกว่า ถ้าตนขึ้นไปบนเขาถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ถูกหมูกัดหรือปืนลั่นแน่นอน ตนบอกสามีและห้ามแล้ว แต่สามีไม่เชื่อ บอกว่าจะวัดใจกับเพื่อนบ้านคนนี้ ส่วนจะมีเรื่องอะไรกันนั้นตนไม่รู้ เพราะทั้ง 2 คนเป็นพรานด้วยกัน ชอบไปล่าหมูป่ากันเสมอ กระทั่งหกโมงเช้าเพื่อนสามีโทรมาหาตนบอกว่า สามีถูกหมูกัดตายเป็นแผลเหวอะหวะ กระทั่งทราบจากหมอที่โรงพยาบาลชันสูตรศพว่า สามีถูกยิงกระสุนฝังในเสียชีวิต

ตนเคยไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอชาติตระการ ได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ให้อยู่นิ่งๆไม่ต้องพูดไปไหน รอเขม่าดินปืน 6 เดือน หรือ 1 ปี อย่างนั่นมันใช่เหรอ เราเป็นคนสูญเสีย หมายังมีคุ้มครอง ชีวิตคนไม่มีคุ้มครองเป็นไปไม่ได้ สำหรับคนที่ไปกับสามีเป็นคนหัวร้อนชอบกระทบกระทั่งกับสามี ตลอดเวลาที่สามีกับเพื่อนขึ้นไปล่าหมูป่า จะสะพายปืนลูกซองยาวไปคนละกระบอก ตอนลูกชายขึ้นไปดูศพพ่อที่บนเขา ลูกชายถามเพื่อนพ่อว่า ปืนของพ่ออยู่ตรงไหน ทางเพื่อนสามีบอกว่า เอาปืนทั้ง 2 กระบอกไปซ่อนไว้แล้ว โดยปืนของเพื่อนสามีมีทะเบียน ส่วนของสามีซื้อต่อมาไม่มีทะเบียน ตอนเพื่อนสามีไปแจ้งร้อยเวรบอกว่าไม่มีปืน อ้างว่าไปเก็บผักหวาน ที่ผ่านมาตนเคยเห็นปืนของเพื่อนสามีและยังเคยจับดูด้วย

“ขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือหน่อย เพราะคดีไม่คืบหน้าอะไรเลย ให้แต่รอถึงหนึ่งปีรอไม่ได้ คดีอย่างนี้อุกฉกรรจ์เหลือเกิน ต้องขอวิงวอน ผบ.ตร. ยื่นมือมาช่วยบ้าง ดิฉันตายทั้งเป็น กราบขอร้องให้หน่วยงาน ผบ.ตร.มาช่วยบ้าง ไม่มีเงินไม่มีทอง ขอให้มาช่วยคลี่คลายคดีให้บ้าง ไม่มีใครปรึกษาได้เลย” นางเมือง กล่าวทั้งน้ำตา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 64 พบศพนายโอไร ขันอ่อน อายุ 58 ปี ชาวบ้าน หมู่ 9 บ้านหนองบัวขาว ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก นอนเสียชีวิตคว่ำหน้าอยู่ในป่า ทางเพื่อนที่ไปด้วยอ้างถูกหมูป่ากัดตาย หลังเจ้าหน้าที่ได้นำศพไปชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก พบว่าถูกยิงกระสุนฝังในเสียชีวิต ทางภรรยาและญาติต่างเคลือบแคลงใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตเข้าไปในล่าหมูป่ากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง แต่หลังเกิดเหตุกลับไม่มีความคืบหน้าทางด้านคดี จึงต้องร้องเรียนผ่านสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน