เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.1) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบช.ภ.6 และพล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 แถลงผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 5 คดี ผู้ต้องหา 10 คน รวมยาบ้า 4 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 59 กิโลกรัม และเคตามีน 55 กิโลกรัม

สำหรับคดีคดีที่ 1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. ในพื้นที่สามารถจับกุมผู้ต้องหา 5 คน คือ 1.นายนพพล มอสสีงาม อายุ 24 ปี 2.นายธนนันธ์ บดินทร์เมธังกุล อายุ 38 ปี 3.นายรัฐนโชติ บุตรนามดี อายุ 37 ปี 4.นายอนุรักษ์ เกษรินทร์ อายุ 21 ปี และ 5.ด.ญ.ปารณีย์ แก้วปีด อายุ 13 ปี พร้อมยาบ้า 4 แสนเม็ด รถยนต์ 4 คัน จักรยานยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ตลาดโชคเจริญ ม.13 ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ต่อเนื่องบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. เลขที่ 40/4 ม.1 ถ.เอเซีย ต.บางเดื่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

หลังสืบทราบว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านเข้ามาทางจ.เชียงราย เพื่อเข้าไปในจ.พระนครศรีอยุธยา ชุดจับกุมจึงเฝ้าติดตามรถยนต์ต้องสงสัย ก่อนจะสามารถจับกุมได้ที่ตลาดโชคเจริญ 3 คน และจับกุมเพิ่มในเวลาต่อมาได้อีก 2 คน

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กก.2 บก.ปส.4 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ สามารถจับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือ 1.นายธีรภัทร ลำภา อายุ 31 ปี 2.นายเกียรติศักดิ์ ขันโท อายุ 33 ปี และ 3.นายมนตรี ประชุมคุณ อายุ 25 ปี พร้อมยาบ้า 9 หมื่นเม็ด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และรถยนต์ 2 คัน โดยจับกุมได้ที่ ที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) ม.2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร (ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 451-452)

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเครือข่ายมินิสทิงพระ จะลักลอบขนยาเสพติดไปส่งในพื้นที่ อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยใช้รถเก๋ง เจ้าหน้าที่จึงตั้งด่านตรวจ ขณะปฏิบัติหน้าที่พบรถต้องสงสัยขับเข้ามาที่ด่าน ก่อนจะไหวตัวหักรถกลับย้อนหนี เจ้าหน้าที่จึงนำเหล็กกั้นถูกยางรถแตก แต่นายธีรภัทรยังคงขับหนี

ต่อมาได้หยุดรถและหิ้วถุงกระสอบหนีไปแต่ก็ถูกจับได้ ภายในถุงพบยาบ้า 9 หมื่นเม็ด ขณะเดียวกันพบรถเก๋งต้องสงสัยอีกคัน ซึ่งต่อมาก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือได้ พร้อมให้การว่า รับยาบ้ามาจากหน้าวัดขวาง อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร เพื่อส่งให้ลูกค้าที่ จ.สงขลา ได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท

สำหรับคดีที่ 3 เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ 1.นายจำลอง หรือจา แซ่โซ้ง อายุ 32 ปี และ 2.นายชัย แซ่โซ้ง อายุ 30 ปี พร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด ยาไอซ์ 9 กิโลกรัม จักรยานยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ภายในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติด จึงติดต่อล่อซื้อบาเสพติดในราคา 4.5 ล้านบาท ก่อนจะแสดงตัวจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถตรวจยึดของกลาง คือ เคตามีน ที่ซุกซ่อนมาในกระป๋องแป้ง 5 กระปุก หนัก 330 กรัม ใส่มาในกล่องพัสดุ สีเหลือง ขนาดเบอร์ 3 หลังชุดจับกุม รับแจ้งว่า กลุ่มค้านาเสพติดลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุจากประเทศไทย ไปประเทศฮ่องกง และคดีที่ 5 เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติด 5 รายการ คือ ยาบ้า 3.5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม เคตามีน 50 กิโลกรัม รถยนต์ 1 คัน และมือถือ 1 เครื่อง

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า จากการสอบสวนประชาชนในพื้นที่ ตนทราบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วหนึ่งคน ทราบทั้งชื่อและที่อยู่เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะอยู่ในรถติดตามของกลุ่มขนยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลุ่มหว้าใต้ ส่วนสาเหตุที่ยาเสพติดทะลักมากกว่าปกติ ให้สังเกตที่แพ็กเกจจิ้ง ทุกครั้งที่ตนเคยจับจะเป็นกระสอบปุ๋ยธรรมดา แต่ครั้งนี้เป็นลักษณะเป้ในแบบสะพายได้ และบรรจุยาเสพติดได้ถึง 30 กิโลกรัม หรือ 200,000 เม็ด ซึ่งจะมีการเดินเท้าแบกมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้ว ถึงจะมีการขนขึ้นรถกระบะปิดผ้าใบอย่างเดียว แสดงว่าตั้งใจมาแหกด่านเลย และมีการดัดแปลงรถเพื่อให้เหมาะสมกับการขนส่ง ราคาในการขนส่งในลักษณะจะแพงมาก

พล.ต.ท.สมหมาย หล่าวต่อว่า การจับครั้งนี้จะเห็นได้ชัดว่าตนจะจับจะมีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีนมากกว่าปกติ โดยตัวสารของเมทแอมเฟตามีนนี้จะไปทำปฏิกิริยากับระบบประสาท จะทำให้ผู้เสพรู้สึกสบาย และไม่ทำลายระบบทางเดินหายใจ ทำให้เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ และตัวยามีความเข้มข้นสูงมาก จากการตรวจสอบทางเคมี ตัวยาจะเปลี่ยนสีได้เร็วมาก ในสิ่งที่เราสกัดกันมีผลเห็นได้ชัดว่า ทำให้ยาขาด ทางกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดจึงต้องเร่งผลิตยามากขึ้น ต้องเร่งลำเลียงยาเสพติดมากขึ้น ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้มากขึ้น โดยเฉพาะขณะที่ลำเลียงมาถึงในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล และกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดนี้มักจะใช้ความวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยมักจะเลือกช่วยเวลาขนยาเสพติดช่วยมีฝนตก และช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศเสมอ

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยต่อว่า ในส่วนของนโยบายเปลี่ยนเม็ดยาเป็นเม็ดเงินนั้น มีบางคนล้อเล่นว่า เราจะเอายามาขายเองหรือเปล่า แต่ไม่ใช่แบบนั้น ตัวอย่างเมื่อปีที่แล้วทางบช.ปส.สามารถจับยาไอซ์ได้ 30 กิโลกรัม มูลยาจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท แต่เราสามารถยึดทรัพย์สินของผู้ค้ายาได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ หรือ 30 ล้านบาทแค่นั้น อีก 930 บาทมันหายไปไหน ตนกำลังผลักดันให้หน่วยงานต่างร่วมมือกับเรา เพื่อการตรวจยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้ได้จำนวนมากยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน