หนุ่มขอความเป็นธรรม กับ ผบช.ภ.4 หลังถูกเจ้าของร้านคาราโอเกะอ้างตัวเป็นตำรวจ ทำร้ายร่างกาย จนใบหน้าเสียรูป ปากเบี้ยว

วันที่ 28 พ.ค. 64 ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น นายประยุทธ์ อายุ 44 ปี ชาว ต.ม่วงหวาน อ.น้ำพอง พร้อมมารดาและญาติพี่น้อง นำหลักฐาน ภาพถ่ายขณะรักษาตัวในโรงพยาบาล และคลิปเสียงเจ้าของร้าน เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกเจ้าของร้านคาราโอเกะพร้อมพวกทำร้ายร่างกายในพื้นที่ ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้า

จึงเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฆ้องชัย เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการลงมือทำร้ายในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย เนื่องจากเจ้าของร้านอ้างตัวเป็นตำรวจอยู่สำนักงานตำรวจภูธรภาค4 และข่มขู่จะฆ่าทิ้งทุกคนหากมีการแจ้งความและร้องเรียนในเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงให้คู่กรณีมาดูแลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล ที่ต้องมีการรักษาต่อเนื่อง

แต่การเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ติดราชการ จึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.กีรติพนธ์ สุวรรณะพิชญา รอง ผบก.อก.ภ.4 รับหนังสือดังกล่าวแทน

พ.ต.อ.กีรติพนธ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนและทราบรายละเอียดจากนายประยุทธ์ ในเบื้องต้นแล้ว ว่า จะดำเนินการทำหนังสือรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ทราบเรื่อง เพื่อมีคำสั่งไปยังพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์และ สภ.ฆ้องชัย ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เข้าร้องเรียนในครั้งนี้

ด้าน นายประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้ขับรถยนต์พารุ่นน้อง 3 คน ไปหาเพื่อนที่ อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ตอนกลางคืน จึงพากันเข้าไปสั่งอาหารเครื่องดื่มนั่งกินที่ร้านคาราโอเกะ หมดอาหารเครื่องดื่มไป 2 ชุด จากนั้นประมาณเที่ยงคืนทางร้านได้เช็คบิลค่าอาหารรวมเป็นเงิน 3,500 บาท แต่เงินมีติดตัวเพียง 900 บาท จึงขอร้องทางร้านว่าขอจ่ายพรุ่งนี้เช้า จะให้ภรรยาโอนตังค์มาให้ แต่ทางร้านไม่ยอม พยายามขอของมีค่า ทั้งโทรศัพท์มือถือและทองที่สวมใส่ในตัว จึงไม่ยอมให้และกลับไปนั่งที่โต๊ะเช่นเดิม ส่วนทางร้านก็ปิดทางเข้าออกร้าน

ขณะนั่งที่โต๊ะกับน้องๆรวม 4 คน ตนถูกคนลอบทำร้ายจากทางด้านหลังด้วยการใช้ของแข็งตีที่ศีรษะ 2 ครั้งจนสลบ รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อน้อง ๆ นำตัวขึ้นรถ กลับมาที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และถูกส่งโรงพยาบาลน้ำพอง แต่อาการสาหัส จึงถูกส่งตัวเข้ารักษาที่รพ.ศูนย์ขอนแก่นเป็นเวลา 11 วัน ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า เส้นเลือดในสมองแตก กะโหลกศีรษะร้าว เลือดออกในสมอง

เมื่ออาการดีขึ้นแพทย์จึงให้ออกจากโรงพยาบาล แต่ต้องรักษาตัวต่ออีกตามแพทย์นัด เนื่องจากว่ากะโหลกศรีษะด้านซ้ายแตก เส้นประสาท ระบบประสาทไม่เชื่อมกัน ซึ่งขณะนี้ใบหน้าเสียรูป ปากเบี้ยว ตาข้างซ้ายหลับไม่ได้ ข้างขวาก็แสบตาตลอดเวลา เวลานอนต้องใช้ผ้าก็อตปิดตาข้างซ้าย และดึงหนังตาให้ชิดกัน

ขณะที่ นางสมพล อายุ 70 ปี แม่คนเจ็บ กล่าวว่า ลูกชายเคยเป็นคนมีร่างกายแข็งแรง ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด แต่การพาน้อง ๆไปธุระและไปรับประทานอาหารในครั้งนี้ ไม่น่าจะถูกทำร้ายร่างกายจนสาหัสเช่นนี้ ไม่ได้เข้าข้างลูกชาย แต่การกระทำตามที่ฟังจากเด็กๆที่ไปด้วย เล่าให้ฟังว่า ลูกชายรอการโอนเงินจากภรรยา ซึ่งน่าจะโอนช่วงเช้าแล้วจะจ่ายให้ แต่ทางร้านไม่ยอม ได้ปิดร้าน ปิดทางเข้า และทำร้ายลูกชาย เมื่อลูกชายบาดเจ็บและสลบ ได้ปลดเอาแหวนทอง ปลดเอาสร้อยคอทองคำ แล้วนำไปเผาไฟ ทำให้สร้อยคอทองคำเป็นสีดำ จึงโยนคืนให้เด็ก หาว่าเป็นทองปลอม เด็กจึงนำทองมาคืนให้

ทางร้านทำเกินกว่าเหตุ ไม่น่าทำร้ายกันขนาดนี้ หนำซ้ำยังไปแจ้งความดำเนินคดีกับลูกชาย ในในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้เสียประโยชน์ หลังออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องเดินทางไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.ฆ้องชัย ในส่วนที่ถูกแจ้งความ เพราะทางร้านแจ้งว่า เก้าอี้หัก 2 ตัว แต่ลูกชายบอกว่า ไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ เพราะนั่งกินอยู่ก็ถูกทำร้ายจนสลบ มีคนมาบอกให้ลูกชายรับสารภาพ เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อย จะได้จบ ๆ กันไป ลูกชายจึงยอมรับ

แต่ในส่วนคดีของลูกชายนั้น ไม่มีความคืบหน้า ถามพนักงานสอบสวนก็โยนไปหาผู้บังคับบัญชา ถามผู้บังคับบัญชาก็โยนไปหารองผู้กำกับ จนเวลาผ่านมาจะ 5 เดือนแล้ว ไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจหารือกันในครอบครัว พาลูกเดินทางมาร้องเรียนกับ ผบช.ภ.4 เนินการให้ความเป็นธรรมและดำเนินการกับเจ้าของร้านคาราโอเกะที่อ้างตัวเป็น ภ.4 ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน