ทนายเซ็ง เสียท่ามิจฉาชีพ ถูกแฮกไลน์ยืมเงินคนใกล้ชิด 1เพราะความง่วงทำให้โดนแฮกไลน์ โร่แจ้งความ ควักเงินคืนเหยื่อเอง

วันที่ 26 มิ.ย.64 นายพรเพท เหลือวิชชเจริญ อายุ 38 ปี ทนายความ และทนายอาสาประจำโรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เอกสิทธิ์ พุกสร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน หลังถูกมิจฉาชีพแฮกไลน์แล้วส่งข้อความไปหลอกยืมเงินกับกลุ่มเพื่อน และลูกจ้างในสำนักงานทนายความของตน โดยให้ผู้เสียหาย 5 ราย นำหลักฐานเป็นสลิปโอนเงินมาแจ้งความด้วย

นายพรเทพ กล่าวว่า เมื่อช่วงก่อนเที่ยงคืนวานนี้ (25 มิ.ย.) ขณะที่ตนกำลังจะพักผ่อน แต่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดัง เพราะมีการแจ้งเตือนจากอีเมลล์ว่า ไลน์ของตนกำลังมีอุปกรณ์อื่นมาลงชื่อเข้าใช้ แต่ด้วยความที่ตนไม่เก่งด้านไอที ประกอบกับอยู่ในช่วงง่วงนอน จึงได้กดตอบตกลงไปโดยที่ไม่รู้ว่า นั่นคือการอนุญาตให้คนอื่นหรืออุปกรณ์อื่นเข้าใช้งาน

กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ก็เริ่มมีพรรคพวกเพื่อนฝูงต่างโทรศัพท์เข้ามาหา และสอบถามเกี่ยวกับการขอยืมเงิน ซึ่งหลายสายที่โทรเข้ามาต่างรู้ทันว่าไลน์ของตนน่าจะโดนแฮก เนื่องจากเขารู้นิสัยตน ไม่เคยไปยืมเงินใคร พอตนทราบเรื่องก็รีบเปิดโทรศัพท์เช็คไลน์ทันที แต่กลับเข้าไม่ได้ อีกทั้งยังกู้ข้อมูลรวมถึงระบบกลับคืนมาไม่ได้ด้วย

ไลน์ของตนได้ลงทะเบียนผูกอีเมลล์เอาไว้ แต่กลับถูกมิจฉาชีพแฮกเข้าไป แถมยังส่งข้อความไปยืมเงินคนอื่นๆ จนวุ่นวายไปหมด อีกทั้งยังไปป่วนตามกลุ่มไลน์ต่างๆ หากเพื่อนคนไหนที่รู้ว่าตนโดนแฮกไลน์แล้วรีบแจ้งเพื่อนๆ ไปตามกลุ่ม ก็จะโดนมิจฉาชีพเตะออกจากกลุ่มทันที แต่ก็มีคนหลงเชื่อทั้งเพื่อนรุ่นพี่และกลุ่มพนักงานลูกจ้างสำนักความทนายความของตน โดนหลอกยืมเงินไป รายละ 3,000-5,000 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 17,000 บาท

นายพรเพท กล่าวต่อว่า หลังจากเริ่มมีผู้เสียหายหลงเชื่อถูกหลอกยืมเงิน ตนและภรรยาจึงได้รีบช่วยกันหาทางปิดระบบไลน์ของตนที่ถูกแฮก ด้วยการส่งเรื่องไปกูเกิลเพื่อขอระงับอีเมลล์ จากนั้นจึงสมัครไลน์ใหม่ก่อนจะรีบทักไปหาเพื่อนๆ และพรรคพวกทุกคนให้ทราบเรื่อง อีกทั้งยังได้ประกาศข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของตนด้วย ซึ่งถือว่าเคราะห์ดีที่เฟซบุ๊กกับไลน์ใช้คนละอีเมลล์กัน ไม่เช่นนั้นคงอาจจะมีผู้หลงเชื่อจนได้รับความเสียหายมากกว่านี้








Advertisement

ด้าน น.ส.ฉัตรวิมล อ่อนจำปี อายุ 41 ปี ผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานลูกจ้างของสำนักงานทนายความ นายพรเทพ เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา มิจฉาชีพได้ใช้ไลน์ของเจ้านายส่งข้อความมาขอยืมเงิน 5,000 บาท พร้อมกับบอกให้โอนเงินทางพร้อมเพย์ผ่านเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จึงรีบโอนเงินไปให้ทันที จนมาเห็นว่าบัญชีธนาคารที่รับเงินไม่ใช่ชื่อของเจ้านาย จึงรีบโทรไปสอบถามถึงได้รู้ว่าเจ้านายถูกแฮกไลน์ ซึ่งปกติเจ้านายก็ไม่เคยยืมเงิน แต่เห็นเป็นไลน์เจ้านายจึงรีบโอนเงินไปโดยไม่ทันฉุกคิด

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้เสียหายรายอื่น ทราบว่า เหตุที่หลงเชื่อเนื่องจากมิจฉาชีพได้ส่งรูปภาพสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของ นายพรเทพ มาให้เห็น แล้วก็รีบยกเลิกข้อความก่อนจะบอกว่าส่งผิด แต่ทว่า เพราะรูปสำเนาบัตรประชาชนที่ส่งมาจึงทำให้หลงเชื่อ และรีบโอนเงินไป ซึ่งทราบว่า มิจฉาชีพได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือถึง 3 เบอร์ๆ ละบัญชีธนาคารในการหลอกขอยืมเงิน จึงได้มีการรีบติดต่อธนาคารเพื่อขออายัดเงินบัญชีที่โอนเงินให้แล้ว

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี จะนำหลักฐานที่ได้ไปสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป แต่ในเบื้องต้น นายพรเทพ ได้ใช้เงินส่วนตัวคืนให้ผู้เสียหายทั้ง 5 ราย ตามจำนวนที่ถูกมิจฉาชีพหลอกยืมไป เนื่องจากหนึ่งในผู้เสียหายเป็นถึงทนายความรุ่นพี่ และคนอื่นๆ เป็นลูกจ้างของสำนักงานทนายความที่ต้องมาเดือดร้อน เนื่องจาก นายพรเทพ ก็ยอมรับว่าเพราะความง่วงเลยทำให้เผลอไปกดอนุญาตให้อุปกรณ์อื่นเข้าอีเมลล์ จนทำให้ถูกมิจฉาชีพเข้าไปแฮกไลน์แล้วไปยืมเงินคนรู้จักดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน