เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรทผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รองผบก.ป. พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.แมน เม่นแย้ม รองผกก.4 บก.ป. ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย นำหมายจับศาลอาญาไปที่วัดลาดแค ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และควบคุมตัวพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 53 ปี เจ้าอาวาสวัดลาดแค เจ้าคณะอำเภอชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.2596/2560 ลงวันที่ 27 พ.ย. 2560 ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ได้จากภายในวัด โดยเหตุที่ศาลออกหมายจับเนื่องจากเกรงว่าพระครูกิตติพัชรคุณ จะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จากนั้นควบคุมตัวไปยังกองกำกับการ 4 กรุงเทพฯ เพื่อนิมนต์ให้ลาสิกขาและสอบสวนเพิ่มเติม

นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจค้นภายในกุฏิของพระครูกิตติพัชรคุณ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ในส่วนของที่พักของนายพรประวิตร ฤทธาเทวา อายุ 38 ปี ลูกศิษย์คนใกล้ชิดที่ปลูกอยู่ใกล้กันพบซองปืน 4 ซอง แม็กกาซีน 2 แม็ก กระสุนปืนกว่า 50 นัด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหามีกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ดงขุย อ.ชนแดน

พ.ต.ท.แมน เม่นแย้ม รอง ผกก.4 บก.ป. กล่าวว่า กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลของพระครูกิตติพัชรคุณ ในเรื่องการบริหารวัดรวมทั้งพฤติกรรมในด้านชู้สาว ซึ่งหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.สอบสวนกลาง จึงสั่งการให้กองกำกับการ 4 ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งพบว่ามีมูลจึงสอบสวนและรวมรวมพยานหลักฐานและขอหมายจับจากศาลอาญา ซึ่งวันนี้ก็จะได้ควบคุมตัวไปที่กองกำกับการ 4 พร้อมทั้งจะขอนิมนต์ให้ลาสิกขาเพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.ท.เพชรชุมพร ศรีวะรมย์ รอง ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัดของพระครูกิตติพัชรคุณว่า หลังจากที่ปปง.มากล่าวโทษร้องทุกข์พระครูกิตติพัชคุณ ปปป. จึงดำเนินการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงิน และเชื่อว่าลูกศิษย์และคนใกล้ชิดบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อง วันนี้จึงมาเชิญตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมกันนี้ก็จะดำเนินการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินของพระครูกิตติพัชรคุณ หากมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที








Advertisement

ด้านพระครูกิตติพัชคุณ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตนไปกระทำอนาจารกับเด็กผู้หญิง ซึ่งตนก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย รวมทั้งชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนผู้ที่ไปร้องเรียนตนเองนั้นเป็นการกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้ามเพราะไม่ถูกกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่น่าจะมาสอบถามตนเองก่อนว่า มีเหตุการณ์ดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องให้เป็นไปตามกฎหมายซึ่งก็เชื่อในความยุติธรรมและความถูกต้อง

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพระครูกิตติพัชรคุณ มาสอบสวน

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เปิดเผยว่า คดีนี้มีชาวบ้านใน ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ร้องเรียนว่าพระครูกิตติพัชรคุณมีพฤติกรรมชู้สาวกับส.ต.หญิง เอ (นามสมมติ) ซึ่งประจำอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในจ.พิษณุโลก จึงสืบสวนจนทราบว่า ก่อนหน้านี้ส.ต.หญิงเอมีฐานะทางบ้านยากจน พ่อและแม่จึงนำมาฝากให้พระครูกิตติพัชรคุณ ให้ช่วยเหลือส่งค่าเล่าเรียนมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สอดรับกับข้อมูลจากพยานว่าเคยพบเห็นส.ต.หญิงเข้าไปหาพระครูที่กุฏิวัดในเวลากลางคืน อยู่บ่อยๆ ภายหลังเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ทางพระครูยังฝากให้เข้ารับราชการทหาร เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่หลายนาย

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อทางส.ต.หญิงเอไปประจำอยู่ที่ค่ายทหาร จ.พิษณุโลก ก็ไปพบรักกับชายหนุ่มคนใหม่ เมื่อทางพระครูทราบเรื่องก็เกิดความหึงหวง ก่อนเดินทางไปพร้อมกับลูกศิษย์คนสนิทอีก 7 คน เพื่อไปหาส.ต.หญิงจนเกิดเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาทกับชายหนุ่มคนใหม่ จนทำให้เลิกรากันไป ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ก็ทราบว่าส.ต.หญิงไปหมั้นหมายกับหนุ่มใหญ่วัย 51 ปี และตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว โดยจัดงานห่างจากวัดลาดแคไปแค่เพียง 300 เมตร ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของชาวบ้านว่า เป็นการจัดฉากกันหรือไม่ และยังสงสัยอีกว่าเด็กอาจเป็นลูกของพระครูก็เป็นได้

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากพฤติกรรมชู้สาวแล้ว ยังเป็นที่รู้กันดีว่าพระครูมักจะอ้างตัวว่ารู้จักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง สามารถฝากเข้าทำงานราชการได้ ซึ่งจากการเข้าตรวจค้นบริเวณโดยรอบกุฏิของพระครูยังพบกลุ่มชายฉกรรจ์ แต่งชุดลายพรางคล้ายทหาร พกอาวุธปืนคอยคุ้มกันตลอดเวลา โดยยังพบอีกด้วยว่ามีพฤติกรรมไม่ออกมาทำกิจของสงฆ์ ชอบเก็บตัวอยู่ในกุฏิ รวมทั้งชอบออกจากวัดในเวลากลางคืนเป็นประจำ เบื้องต้นจากการสอบสวนทางพระครูยังให้การปฎิเสธ ซึ่งคงต้องคุมตัวไว้ เพื่อสอบปากคำอีกหลายประเด็น ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. นำกำลังเดินทางไปที่วัดลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หลังทราบว่าพระครูกิตติพัชรคุณ เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากประเทศอินเดีย เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับพระครูกิตติพัชรคุณ ในฐานความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัด แต่ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัวพระครูอยู่ที่วัด ก่อนที่จะมาถูกจับกุมในครั้งนี้

สำหรับคดีทุจริตที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจปปป.ได้ตรวจสอบแล้วพบการทุจริตเกิดขึ้นที่วัดหลายแห่ง โดยรอบแรกเป็นการทุจริตงบอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 12 วัด ตั้งแต่ปี 2555-2559 ความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 10 ราย ต่อมาบก.ปปป.ลงตรวจสอบรอบที่สอง พบเป็นการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภท คือ 1.อุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 55-60 ความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท มีผู้ต้องหา 19 ราย

ต่อมาเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. ได้สั่งการให้พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผกก.(สอบสวน) กก.4บก.ปปป. พร้อมพนักงานสอบสวน เดินทางเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับพระครูกิตติพัชรคุณ ซึ่งพบว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนขั้นตอนหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ก็จะได้สอบปากคำพระครูกิตติพัชรคุณอย่างละเอียด เสร็จแล้วก็จะได้ไปขออำนาจศาลอาญา เพื่อออกหมายจับในคดีดังกล่าว พร้อมกับจะขออายัดตัวไว้ดำเนินคดีต่อไปอีกด้วย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน