เมรุ วัดไผ่ล้อม เริ่มรับไม่ไหว ยอดหักตัวปล่องร้าว หลังเผาศพโควิด-19 ไม่หยุด หลวงพี่น้ำฝน เดินหน้าซ่อมพร้อมเพิ่มเตาเผาคู่ เพิ่มยอดเผาได้วันละ 6 ศพ

เมรุเผาศพวัดไผ่ล้อม กรำศึกหนักยอดหักตกใส่หลังคาทำพระคนร่วมงานผวา ตรวจสอบพบปล่องเริ่มร้าวหนักหลังไม่ได้พักมา 2 ปีเศษ หลวงพี่น้ำฝน รับถึงเวลาซ่อมพร้อมจัดเตาเผาแบบคู่มาติดตั้ง ทำยอดเผาร่างจากวันละ 3 ศพ สามารถเผาได้ถึง 6 ศพ

โดยวางแผนยกระดับอุปกรณ์โดยไม่หยุดการรับเผาร่างผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 และพิธีการยังครบถ้วน ซึ่งประเมินจากสถานการณ์และตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต พระยังหยุดหน้าที่เผาศพรวมถึงหน้าที่อื่นที่ต้องช่วยสังคมในสถานการณ์นี้ไม่ได้และวัดต้องปรับตัวเพื่อให้เป็นวัดของประชาชนอย่างแท้จริง

วันนี้ 24 สิงหาคม 64 ที่ฌาปนสถาน วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้นำคณะสงฆ์ประกอบพิธีฌาปนกิจศพแบบเร่งด่วนให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายที่ 146 ซึ่งเป็นโครงการสวด เผาฟรี โดยกองทุนหลวงพ่อพูล โดยมีญาติและบุคคลในครอบครัวเดินทางมาร่วมในพิธีเพื่อร่วมส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความสงบ

โดยก่อนพิธีการ หลวงพี่น้ำฝน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อม และฝ่ายช่างได้สำรวจเตาเผาศพอย่างละเอียดมากขึ้น รวมถึงขณะที่กำลังเผาศพและใช้อุณหภูมิสูงสุดก็ได้ให้ตรวจสอบความร้อนและรอยแตกร้าวที่กำลังเกิดขึ้นหลายแห่ง เนื่องจากไม่นานมานี้ ขณะที่กำลังทำพิธีเผาศพให้กับผู้เสียชีวิตรายการก่อนหน้ายอดยอดเมรุได้เกิดความเสียหาย และที่ยอดของเมรุได้แตกหักลงมาบนหลังคา ทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ขณะกำลังจัดพิธี

ซึ่งทำให้เกิดความตกใจของสัปเหร่อ และเจ้าหน้าที่ที่กำลังเร่งเผาร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ ซึ่งช่วงระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรากฏรอยร้าวมี่ปล่องเมรุตามมา และเริ่มมีรอยกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า สถานการณ์การเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากตัวเลขมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้วเกือบ 300 คน โดยที่วัดไผ่ล้อมได้มีการเผาศพทุกวันไม่มีวันหยุด ซึ่งปกติจะเผาอยู่ที่ 2 ศพก็ได้เพิ่มยอดการเผาเป็น 3 ศพ

กระทั่งไม่นานมานี้ขณะที่กำลังทำการเผาศพผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เกิดเสียงดังตูมสนั่นเหมือนกับมีอะไรระเบิดบนหลังคาเมรุ ซึ่งทั้งพระและเจ้าหน้าที่ต่างตกใจเนื่องจากคิดว่ามีอะไรระเบิด เมื่อไปสำรวจโดยรอบก็พบว่าแป้นปูนที่เป็นลายกนกบนยอดเมรุ ได้พักพังตกลงมาบนหลังคาโชคดีที่ไม่ทะลุลงมาโดนศรีษะพระสงฆ์และคนที่อยู่ภายในงาน

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า ตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่และฝ่ายช่างได้มีการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดพบว่าที่ยอดเมรุเกิดความร้อนสะสมอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ปูนผุกร่อนและมีหลายฝั่งกำลังจะพังลงมา ส่วนที่ตัวปล่องอิฐมีการเกิดการแตกร้าวและเริ่มมีรอยร้าวกว้างมากขึ้น ซึ่งรอยแตกจะแผ่กว้างขึ้นทุกครั้งที่มีการเผาศพ 1 ศพ และการตรวจสอบในช่องบรรจุโลงสำหรับเผาก็พบว่าอิฐที่วางเรียงอยู่ภายในก็สึกกร่อนไปไวมาก

จากการประเมินสถานการณ์พบว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงก็ยังไม่ลดลง การประสานขอจองเมรุเผาศพที่วัดไผ่ล้อมก็มีคิวจ่อมาไม่หยุด จึงได้มีการวางแผนที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายและสร้างเตาเผาแบบคู่ขึ้นมาเพื่อรองรับการเผาศพให้เพียงพอและทันต่อสถานการณ์ในช่วงนี้

“เมรุและเตาเผาศพที่วัดไผ่ล้อมจัดสร้างขึ้นมามีอายุการใช้งานมาแล้ว 16 ปี ซึ่งโยมมารดาของอาตมาได้นำเงิน 1.5 ล้านมาถวายเพื่อทำเป็นเมรุแบบปลอดมลพิษไร้ควัน ซึ่งในเวลาปกติก็ไม่ได้มีศพเข้ามามากขนาดนี้ แต่ในช่วง 2 ปีนี้ เฉพาะศพที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นพุ่งไปถึง 140 กว่าศพ

ยิ่งระยะหลังมีผู้เสียชีวิตไม่ลดลงทำให้เตาเผาและเมรุของวัดไผ่ล้อมทำงานทุกวัน ซึ่งสุดท้ายก็ทนกับสภาพการใช้งานหนักที่เกิดขึ้นทุกวันไม่ไหว และไม่ใช่แค่ที่ศพโควิด-19 แต่เมรุที่นี่เผามาตั้งแต่ครั้งที่โรคเอดส์ระบาดหนัก มาถึงผู้ป่วยด้วยโรคร้ายอื่นๆ ที่วัดตั้งแต่ยุคเก่าไม่กล้ารับ จนมาถึงยุคนี้ที่วัดไผ่ล้อมเป็นวัดแรกที่ประกาศในการรับเผาศพที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

แม้ทางวัดจะดูแลเมรุเป็นอย่างดีแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกับการใช้งานหนัก ถึงเวลาที่ต้องเร่งซ่อมและสร้างเมรุยังแบบเตาคู่ไปเลยในคราวเดียว แต่เราจะไม่หยุดการเผาศพที่ติดเชื้อมาซึ่งได้วางแผนรองรับมาตรการไว้หมดแล้ว รวมถึงพิธีการก็จะยังคงพิธีการครบถ้วนเหมือนเดิมทุกอย่าง” หลวงพี่น้ำฝน กล่าว

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า สำหรับการสร้างเตาแบบคู่ขึ้นมาจะทำให้วัดไผ่ล้อมมีศักยภาพในการเผาศพได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยเผาได้สูงสุดวันละ 3 ศพ ก็จะสามารถเผาได้วันละ 6 ศพ เนื่องจากเตาเผาชุดใหม่จะใช้น้ำมันลดลงจาก 80 ลิตรเหลือเพียง 30 ลิตรต่อศพ และใช้เวลาในการเผาลดลงจาก 5-6 ชั่วโมงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงต่อศพ โดยจะเป็นการทั้งลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายแต่สามารถทำงานได้มากขึ้นด้วย

โดยตอนนี้ได้วางแผนไว้หมดแล้ว โดยในช่วงการบูรณะซ่อมแซมเมรุและก่อสร้างเตาเผาศพเพิ่มเป็น 2 เตา จะมีการวางแผนบรรจุโลงศพขึ้นที่ด้านหลังของเตาซึ่งสามารถทำได้ และแบ่งส่วนสร้างกับซ่อมให้สอดคล้องกัน โดยทีมช่างมีการวางแผนไว้ครบถ้วนแล้ว

ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ จะมีพิธีการบวงสรวงเพื่อซ่อมแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ โดยในเวลา 09.09 น. จะมีพิธีการบวงสรวงบูชาเทพยดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในเวลา 21.59 น. จะบวงสรวงซ่อแซมและสร้างเตาเผาปลอดมลพิษ ซึ่งจะมีการไลฟ์สด ทางเพจหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม และเป็นการจัดงานที่งดผู้เข้าร่วมพิธีภายในงานด้วย

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้ายว่า แม้ว่าการเผาศพอาตมาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ด้วยหลักธรรมการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องที่หลบเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์ยามนี้ การเร่งแก้ไขและช่วยสังคมเป็นสิ่งที่วัดและพระจะต้องทำให้สอดคล้องกับช่วงเวลาและทางวัดไผ่ล้อมก็ได้วางแนวคิดว่าวัดไผ่ล้อมจะทำงานในทุกมิติเพื่อให้เป็นวัดที่สร้างประโยชน์ให้กับพุทธศาสนิกชนและประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน