เกษตรกรชาว อ.บางแพ จ.ราชบุรี หันมาเลี้ยงปลาคาร์ฟผสมผสานในบ่อกุ้งขาวแวนนาไม ได้ผลดีเสริมรายได้ยุคโควิด – 19 เลี้ยงครอบครัว ประคองอาชีพให้อยู่รอด

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดินทางดูอาชีพเสริมของเกษตรกรที่บ้านดอนสาลี ต.โพหัก อ.บางแพ จ.ราชบุรี ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับการทำมาหากิน ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 พื้นที่ 15 ไร่ ที่เคยเลี้ยงเป็นบ่อกุ้งก้ามกราม และกุ้งขาวแวนนาไม

ก่อนแบ่งออกไปประมาณ 1 ไร่ เพื่อมาทดลองเลี้ยงปลาคาร์ฟสวยงาม ผสมผสานกับการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม เนื่องจากช่วงเกิดปัญหาโรคระบาดโควิด – 19 ตั้งแต่ช่วงแรง มาจนถึงช่วงที่ 3 ทำให้การเลี้ยงกุ้งประสบปัญหาส่งออกต่างประเทศไม่ได้ ร้านค้าปิด กุ้งราคาตกต่ำ ต้องจับออกมาขายในตลาดใกล้บ้านในราคาถูก ทำให้เกษตรกรบางรายต้องหาแนวคิดใหม่ๆ มาปรับเปลี่ยนวิธีการหารายได้เพิ่ม บ่อที่เคยเลี้ยงกุ้งจึงหันมาเลี้ยงปลาคาร์ฟแบบผสมผสาน กับเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมในบ่อเดียวกัน

เมื่อปลาคาร์ฟเจริญเติบโตได้ขนาดไซร์ตามที่ต้องการ จะมีแม่ค้าขายปลาสวยงามติดต่อเข้ามารับซื้อถึงปากบ่อ ช่วงระยะเวลาการเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กจนถึงจับขายระหว่าง 3 – 4 เดือน สามารถจับขายได้แล้ว ส่วนราคาขึ้นอยู่แต่ละขนาดไซร์ของการรับซื้อ มีปลาคาร์ฟปหลากสีสันสวยงาม

นางรัตนา มั่นฤกษ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234 หมู่ 4 ต.โพหัก อ.บางแพ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมากุ้งก้ามกราม และกุ้งขาวราคาราคาตกต่ำมาก ปัญหาช่วงสถานการณ์โควิด จึงมีแนวคิดหันมาเลี้ยงอย่างอื่นดูบ้าง เลยทดลองปล่อยปลาคาร์ฟเพื่อเลี้ยงสวยงาม เพราะที่ราชบุรี มีชื่อเสียงเรื่องปลาสวยงามอยู่แล้ว อย่างไซร์ประมาณ 4 นิ้ว จึงจับขายได้

บ่อนี้ทดลองเลี้ยงอย่างไม่มีความรู้ ได้ปล่อยปลาคาร์ฟลงบ่อประมาณ 20,000 ตัว ซื้อมาไซร์นิ้วครึ่งตัวละ 2 บาท เป็นเงินทุน 40,000 บาท ช่วงแรกได้แบ่งขายไปแล้วประมาณ 2,000 ตัว ได้มาเป็นค่าอาหารปลาแล้วส่วนหนึ่ง ยังมีค่าอาหารที่เป็นต้นทุน และค่าตัวที่ซื้อมาอีกส่วนหนึ่ง และที่บ่อยังปล่อยกุ้งขาวแวนนาไมลงไปเลี้ยงด้วย ประมาณ 30,000 ตัว

ส่วนการรับซื้อนั้นจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ช่วงนี้จะไม่แพงมากนัก วันก่อนจับขายไซร์ขนาด 3 นิ้วขายไปแล้ว ถือว่าพออยู่ได้ ตอนแรกที่ไม่มีความรู้เลยคิดว่าปล่อย 20,000 ตัว ที่ดิน 1 ไร่ เลี้ยงประมาณ 4 เดือน จะขายได้ประมาณหลักแสนบาท หักค่าต้นทุนจะถูกกว่าการเลี้ยงกุ้งมาก ส่วนระบบการให้อาหาร เป็นอาหารปลาดุกเล็ก ปลาก็จะมาลอยคอกินอาหารบนผิวน้ำดูสวยงามลานตา อาหารที่ให้กินนั้นจะให้มื้อ 2 มื้อ คือ เช้า และเย็น มื้อหนึ่งประมาณ 10 – 12 กิโลกรัม

ส่วนกุ้งขาวได้ทยอยจับขายไปแล้วกว่า 100 กิโลกรัม ขายไปราคากิโลกรัมละกว่า 90 – 100 บาท ไซร์ประมาณเกือบ 100 ตัวต่อกิโลกรัม ตอนนี้มีเป็นเครือข่ายหาคนที่มีประสบการณ์มาเป็นกลุ่ม เพื่อจะขายตามช่องทางการตลาดช่วยกันขายไปได้

สำหรับการเลี้ยงปลาคาร์ปในบ่อกุ้งขาวแวนนาไมยังมีผลดี คือ ลักษณะของตัวปลาจะมีสีสดสวยงาม เพราะมีสภาพแวดล้อมที่ดี ได้น้ำที่ใสสะอาดคุณภาพมีแร่ธาตุดี อีกทั้งเวลาเลี้ยงจะให้กินอาหารจำพวกอาหารปลากินพืช โดยกุ้งขาวแวนนาไม ยังสามารถกินขี้ปลาคาร์ฟเป็นอาหารอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนพื้นที่ริมขอบบ่อเลี้ยงก็จะปลูกถั่วฝักยาวเป็นพืชเสริม ใช้ระยะเวลาการปลูกประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก็สามารถเก็บฝักผลผลิตขายส่งตลาดนัดใกล้บ้าน เป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้อีกทาง มีทั้งการจับปลาคาร์ปขายระยะประมาณ 3 – 4 เดือน และยังมีช่วงระยะเวลาจับกุ้งก้ามกรามและกุ้งขาวแวนนาไมไว้ขายเป็นได้อีก ทำให้ระยะนี้พอมีรายได้เสริมจากการขายปลาคาร์ฟเป็นช่วง ๆ เลี้ยงครอบครัวในช่วงโควิดเพื่อประคองอาชีพให้อยู่รอด ทุกชีวิตต้องสู้

สำหรับผู้สนใจอยากศึกษาการเลี้ยงปลาคาร์ปสวยงาม มีคุณภาพดี ถูกต้องตามตำราสีปลาสวยงาม หรือจะซื้อไปเลี้ยงดูเล่นในตู้กระจกสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณรัตนา มั่นฤกษ์ หมายเลขโทรศัพท์ 09ข3551-9828

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน