สว.ทางหลวงขอนแก่น ดอดพบทนาย ขอโทษแทนลูกน้อง เจ้าตัวรับคำขอโทษ แต่คดีว่ากันไปตามกฎหมาย พร้อมแจ้งความเอาผิดเพิ่มอีกหลายข้อหา

กรณีประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล ร้องสื่ออ้างถูก 2 ตำรวจทางหลวงบุกควบคุมตัวกลางหมู่บ้าน ทั้งที่ตัวเองไม่มีความผิด พร้อมเข้าแจ้งความเอาผิดตำรวจทั้ง 2 นาย ต่อมาตำรวจทางหลวงขอนแก่นขอโทษแล้ว เตรียมให้ข้อมูลพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 ก.ย.64 ที่สภ.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น นายปกาญจน์ นพศรี อายุ 57 ปี ชาว บ.หัวหนองแวง ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.หนองสองห้อง เพื่อนำภาพถ่ายที่เกิดเหตุ รูปภาพตำรวจทางหลวง 2 นาย และเสื้อยืดสีดำ ตัวที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ และถูกดึงจนขาด เป็นหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวน

นายปกาญจน์ นพศรี

พร้อมทั้งให้ปากคำเพิ่มเติมหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ในสังกัด กก.4 บก.ทล. นำหมายจับบุคคลอื่นเข้ามาจับกุมตนเอง และแม้จะชี้แจงแต่ตำรวจไม่ยอมฟัง และพยายามที่จะจับกุม โชคดีที่มีชาวบ้านมาพบเห็นเหตุการณ์ และช่วยเหลือไว้ได้ทัน ซึ่งในการนำหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวนครั้งนี้ มีนายสมศักดิ์ วาทบัณฑิตกุล กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค4 พร้อมคณะกรรมการสภาทนายความ ภาค4 ร่วมเดินทางมาด้วย

นายสมศักดิ์ วาทบัณฑิตกุล กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค4

ซึ่งในขณะที่นายปกาญจน์ เดินทางมาถึงสภ.หนองสองห้องนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมาขอพบกับทีมทนายความ โดยแจ้งกับสื่อมวลชนว่า ขอพบกับนายปกาญจน์ เป็นการส่วนตัว ห้ามผู้สื่อข่าวติดตามทำข่าว ถ่ายภาพเด็ดขาด ก่อนที่จะพากันไปพูดคุยที่ศาลาที่พักประชาชนหน้า สภ.หนองสองห้อง โดยมีนายสมศักดิ์ วาทบัณฑิตกุล กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค4 ร่วมรับฟังด้วย โดยในการพูดคุยนั้นประมาณ 30 นาที ก่อนที่ต่างฝ่ายจะพากันแยกย้าย

นายปกาญจน์ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงมาพบนั้น ทราบว่าเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจทางหลวงขอนแก่นในระดับสารวัตร ซึ่งพบนายตำรวจดังกล่าวมาขอโทษแทนผู้ใต้บังคับบัญชา และขอเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เข้าใจและ ก็รับคำขอโทษ แต่ในทางคดีก็ว่าไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น ขอให้สภาทนายความเป็นผู้พิจารณา เพราะโดยส่วนตัวเองยังคงยืนยันในการดำเนินการไปตามกฎหมาย และในการเข้าพบพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ ก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะพยานบางคนติดธุระมาไม่ได้

“การเข้าพบพนักงานสอบสวนของผม เป็นการให้ปากคำเพิ่มเติม และขอเพิ่มข้อกล่าวหาอีก 1 ข้อหา คือข้อหาทำร้ายร่างกาย รวมถึงการนำตัวพยานมาให้ปากคำในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวนั้น หากตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย รู้ตัวว่า เข้าใจผิดพลาดแล้วขอโทษตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทุกอย่างก็จบ แต่ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย กลับไม่ทำ

ผมขอยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว ผมเป็นทนายความว่าความให้กับประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ทั้งยังคงเป็นประธานสภาทนายความศาลจังหวัดพล ซึ่งเป็นองค์กรที่มีเกียรติ หากตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย จะขอโทษ หรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงขององค์กรตำรวจทางหลวงจะขอโทษหรือกระทำการใดๆก็ขอให้ประสานไปที่สภาทนายความ เพราะไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องขององค์กรและศักดิ์ศรีขององค์กรในภาพรวม” นายปกาญจน์ กล่าว

นายปกาญจน์ กล่าวต่อว่า อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทั้งระดับกองบังคับการ และระดับกองบัญชาการของตำรวจทางหลวงทั้ง2 นาย ตรวจสอบด้วยว่า การที่ตำรวจทางหลวง 2 นาย นำหมายจับ พร้อมใช้รถของทางราชการออกมาในครั้งนี้ ได้รับคำสั่งจากใคร นำรถราชการมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ถูกต้องหรือไม่

และควรจะพิจารณาพฤติกรรมของข้าราชการในสังกัดด้วยว่า ทำเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ และขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นแล้ว จะมาขอโทษก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างจบ เพราะข้อหาที่แจ้งความร้องทุกข์นั้น เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ ขอให้ว่ากันตามกระบวนการตามกฎหมาย

ด้านนายสมศักดิ์ วาทบัณฑิตกุล กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค4 กล่าวว่า การที่นายตำรวจระดับสารวัตร ซึ่งรับผิดชอบตำรวจทางหลวงประจำ อ.พล มาพบกับนายปกาญจน์ เพื่อมาขอโทษและหารือในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ประเด็นนี้ตนเองไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องขององค์กร ต้องให้คณะกรรมการบริหารสภาทนายความ และนายกสภาทนายความตัดใจสิน

เพราะขณะนี้ทุกอย่างเป็นกระแสไปหมดแล้วว่า ทนายความกับตำรวจทางหลวงพิพาทกัน ทนายความทั้งประเทศกำลังรอดู รอฟังบทสรุปทั้งหมดอยู่จึงไม่สามารถบอกหรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นส่วนตัวได้ แต่ในบทบาทของกรรมการนั้น ไม่อยากให้ระหว่างองค์กรพิพาทกัน แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถหักล้างได้ และการที่มีผู้บังคับบัญชาของตำรวจทางหลวง มาพบนั้น เป็นสิ่งที่ดี ต่อทั้ง 2 องค์กร เพราะองค์กรไม่ได้มีปัญหากัน ฉะนั้นในเรื่องดังกล่าวก็ต้องดูในข้อกฎหมาย เพราะทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน