ผวจ.ลพบุรี หารือบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ หลังน้ำเกินความจุต้องเร่งระบาย แต่ยังมีน้ำเหนือไหลเติม 153.40 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน พร้อมอพยพชาวบ้านท้ายเขื่อนไปยังอยู่ที่ปลอดภัย

วันที่ 30 ก.ย.2564 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.ลพบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เพื่อหารือสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พร้อมมอบถุงยังชีพ และเยี่ยมครอบครัวประชาชนผู้ประสบภัยได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเพิ่มจำนวน 32 ครัวเรือน ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว

สำหรับสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในเขื่อน 1,014.15 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 105.64 ของความจุที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยยังมีมวลน้ำเหนือไหลลงเขื่อนอยู่ที่ 153.40 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทำให้ต้องเปิดประตูระบายน้ำครบ 7 บาน เพื่อปรับเพิ่มการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนอีกเท่าตัว จากเมื่อวาน 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเพิ่มเป็น 103 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

น้ำเกินความจุ

” ปัจจุบันมีน้ำเหนือไหลลงตัวเขื่อนในปริมาณมาก และยังคงต้องระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ อ.วังม่วง อ.แก่งคอย อ.เมืองสระบุรี อ.เสาไห้ จ.สระบุรี และ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นจากระดับปัจจุบัน 1.00 ถึง 1.50 เมตร เมื่อปริมาณน้ำทางตอนบนลดลง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะเริ่มปรับลดการระบายเพื่อลดปริมาณน้ำด้านท้ายลง ”

ศูนย์อพยพ

ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกหนังสือ “ด่วนที่สุด” ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์เตรียมรับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ผวจ.ลพบุรี

เนื่องจากปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนต็มความจุของอ่าง กรมชลประทานมีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชนนอกคันกั้นน้ำบริเวณ วัดสะตือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน