น้ำชีพัดท่วม บ้านท่าพระเนาว์ ต.ท่าพระ กลางดึก ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร ผู้ว่าฯขอนแก่น ลุยช่วยผู้ประสบภัยทั้งคืน ขณะที่บางคนขนได้แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด เพราะน้ำไหลท่วมเร็วมาก
วันที่ 5 ต.ค.2564 ที่บ้านท่าพระเนาว์ ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ ปภ. ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เทศบาลฯและหน่วยกู้ภัย เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ถูกกระแสน้ำจากแม่น้ำชีไหลท่วมบ้านเรือน
โดยที่กระแสน้ำได้ไหลพัดเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรในหลายจุดของเขต ต.ท่าพระ อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยวัดระดับน้ำได้ล่าสุดอยู่ทีประมาณ 1.80 เมตร ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต้องอพยพสิ่งของออกจากบ้านตลอดทั้งคืน ขณะที่บางรายจำเป็นต้องทิ้งทรัพย์สินไว้ในบ้าน เนื่องจากเก็บข้าวของไม่ทันน้ำมาแรงและเร็วมาก
นางกาญจณาพร ศรีสิริ อายุ 50 ปี 266/11 ม.6 บ้านท่าพะเนาว์ ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ได้นำเรือเข้าไปขนของที่ห้องพัก ซึ่งน้ำได้ท่วมสูงอย่างรวดเร็วจึงต้องทำใจและตัดใจ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ทั้งตู้เย็น ทีวี อยู่ภายในห้อง ที่จมน้ำทั้งหมด ตนเองจึงขนเสื้อผ้าได้เพียงชุดไม่กี่ชุด เนื่องจากน้ำมาอย่างรวดเร็วดังนั้นต้องคิดกันต่อว่าวันต่อไปจะต้องทำอย่างไร ในระยะนี้ต้องนอนอยู่บ้านผู้ใหญ่บ้านไปก่อน
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า จากการสำรวจปริมาณน้ำชีในพื้นที่บ้านท่าพระเนาว์ พบว่าระดับน้ำสูงสุดขณะนี้เกินกว่า 2 เมตรแล้ว คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก 1-2 เมตร ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานความร่วมมือตั้งกองอำนวยการขึ้นที่บ้านท่าพระเนาว์เพื่อคอยเฝ้าระวังและให้การช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชม จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ซึ่งในพื้นที่บ้านท่าพระเนาว์นั้นมีหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่อยู่ 2 โครงการอยู่อยู่ติดกัน ซึ่งปกติเจ้าของบ้านจะออกไปทำงานช่วงเช้า และจะกลับเข้ามาในช่วงเย็น เมื่อมาถึงก็พบว่า น้ำได้เข้าท่วมบ้านไปหมดแล้วและไม่สามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน รวมทั้งรถยนต์อีกหลายคันได้ทันทำให้น้ำท่วมเข้าในบ้านสร้างความเสียหายหลายหลังคาเรือน
“จากการคาดการณ์ของทางเจ้าหน้าที่คาดว่าวันนี้จะเป็นช่วงพีคของมวลน้ำก้อนใหญ่จากแม่น้ำชีไหลเข้าสู่พื้นที่ขอนแก่นจากเส้นทางน้ำที่เชื่อมต่อมาจาก จ.ชัยภูมิ ที่ไหลผ่านพื้นที่ขอนแก่น เข้าสู่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ดแะลงสู่แม่น้ำมูล ที่ จ.ยโสธร และไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่ จ.อุบลราชธานี ต่อไป”
