ชาวบ้านโอดลำบาก อพยพนอนเต็นท์บนถนน อากาศร้อน น้ำท่วม 5 วัน เน่าส่งกลิ่นเหม็น วอนภาครัฐช่วยเหลือด้านอุปโภค บริโภค

จากกรณีมวลน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี โดยเฉพาะชุมชนประปา ชาวบ้านเดือดร้อนขนของขึ้นที่สูง ประมาณ 10 กว่าหลังคาเรือน บริเวณสะพานดำ ที่ประชาชนใช้เส้นทางสัญจรไปมาบ้านกล้วย-ตัวเมืองสระบุรี ตอนนี้สะพานดังกล่าวถูกแม่น้ำป่าสักสูงท่วมจนมิดแล้ว รวมไปถึงชาวบ้านและร้านค้า ที่อยู่แถวบริเวณสะพานดำก็โดนน้ำท่วมไปด้วย การจราจรปิดตายไม่สามารถให้รถสัญจรข้ามไปมาได้ ซึ่งมีประชาชนอพยพหนีน้ำขึ้นมานอนอาศัยอยู่ตามเต็นท์บนถนน ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้เต็มถนน

ล่าสุดวันที่ 6 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณถนนสะพานดำติดกับชุมชนประปาและร้านค้า ต.ปากเพรียว อ.เมือง มีกลิ่นเหม็นเน่าของน้ำที่ขังท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากคลองชลประทานหยุดปล่อยน้ำ ทำให้กระแสน้ำบริเวณริมตลิ่งน้ำนิ่ง จากสีน้ำตาลกลายเป็นสีเขียวเน่า เหม็น ขยะลอยเต็มไปหมด ทำให้คนที่ผ่านไปมาหรือผู้ที่นอนอยู่ตามเต็นท์นั้น ได้กลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปหมด ขณะเดียวกันยังมีแมวที่ติดค้างอยู่บนหลังคาที่ชาวบ้านนำออกมาหาที่เลี้ยงไม่ได้ จึงให้อยู่บนหลังคาตามลำพัง ประมาณ 15 ตัว

นางสมทรง นามเงิน อายุ 60 ปี ชาวบ้านที่อพยพมาอาศัยอยู่บนถนน กล่าวว่า ตอนนี้บ้านของตนเหลือครึ่งหลัง ยังไม่มิด แต่อยู่ไม่ได้ ส่วนสิ่งของต่าง ๆ ขนขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. ลำบากไปหมด จะกินอยู่ยังไง ไหนจะอากาศร้อนอีก ร้อนมากไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องนอนแบบนี้ ประชาชนเดือดร้อนเรื่องกินนอน ส่วนห้องน้ำให้เข้าในสำนักงานประปา ไม่มีใครเจ็บไข้ได้ป่วย มีแค่อาการร้อนอย่างเดียว ส่วนตนไม่มีโรคประจำตัว แค่อ้วนอย่างเดียว ปวดหัวเข่าต้องคอยใช้ไม้เท้า

ด้าน นางกาญจนารัตน์ นามเงิน อายุ 47 ปี เจ้าของแมวที่ติดอยู่บนหลังคา กล่าวว่า ตนเลี้ยงแมวอยู่ในบ้าน ทั้งหมด 29 ตัว เอาออกมา 14 ตัว เหลืออยู่บนหลังคา 15 ตัว ตนต้องจ้างคนพายเรือไปให้อาหารแมว 3 เวลา แมวจะอยู่บนหลังคาตลอด สาเหตุที่ไม่เอาออกมาทั้งหมดเพราะสถานที่มันไม่เอื้ออำนวย ไม่มีที่เลี้ยง ถ้าเอาออกมาก็ต้องมีกรง เพราะถ้าแมวเราหลุดไปจะทำอย่างไร ก็เลยอาศัยลงไปดูเอาเองดีกว่า ถึงเวลาก็มาให้ข้าว ไม่ทิ้งแน่นอนเพราะว่าแมวกับหมามันก็ต้องกิน ตนเป็นคนรักแมวมาก ถ้าไม่รักคงไม่ลงไปดู เป็นแมวไทย บางตัวเก็บมาจากข้างทางบ้าง เอามาเลี้ยงไว้

ขณะที่ นางมยุรี เนียมสำลี อายุ 50 ปี กล่าวว่า บ้านตนท่วมหลังแรกเลย ขนขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ตอนกลางวัน แต่ไม่สามารถที่จะใช้สิทธิ์เรียกร้องเยียวยาได้ ตนคนจนนะไม่ใช่คนรวย เมื่อ พ.ศ. 2554 ตนได้รับเยียวยาคนแรกเลย แต่ปีนี้เขาไม่ให้ ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร เขาบอกว่า ทะเบียนบ้านอยู่เขตตะกุดไม่ได้ ตอนนี้ลำบากทุกอย่าง

อยากให้เยียวยาตนบ้าง บ้านตนพอน้ำลงแล้วบ้านจะพังหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เพราะน้ำมันมิดไปหมด ตนก็อยู่ที่นี่ อยู่มา 10 กว่าปีแล้ว ตนเองเป็นคนจน ยืนมองบ้านค่อย ๆมิด แล้วรู้บ้างไหมจิตใจตนเป็นยังไง ตนเป็นแม่ค้าเคยขายของ พอมาเจอแบบนี้ขายก็ไม่ได้ กลัวฝนจะมา ไม่มีใครอยู่ ส่วนความรู้สึกตอนนี้จุกมากเลย น้ำท่วมตนก็โดนท่วมก่อน ลงทีหลัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน