ตำรวจภาค 3 ทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋นประชาชนเสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท เจอเส้นทางเงินออกนอกประเทศกว่าพันล้านบาท

วันที่ 26 ต.ค. บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภาค 3 พร้อม พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริรอง ผบช.ภาค 3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภาค 3 ร่วมแถลงผลจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยขออนุมัติศาลออกหมายจับ จำนวน 5 ราย เป็นคนไทย 4 ราย กัมพูชา 1 ราย คือ 1.นางสมศรี อายุ 61 ปี อยู่ที่ ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชี

2.นายคงเดช อายุ 22 ปี อยู่ที่ ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชี 3.นางพรพมล อายุ 41 ปี เป็นนายหน้าจัดหาคนเปิดบัญชี 4.น.ส.เสาวลักษณ์ อายุ 26 ปี อยู่ที่ ต.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เป็นผู้จัดส่งบัญชีให้เครือข่ายที่ประเทศกัมพูชา และ ชายชาวกัมพูชา ยังอยู่ระหว่างหลบหนีตามหมายจับ จ.295/2564 ลง 22/10/64

โดยแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

พล.ต.ท.สมประสงค์ ผบช.ภาค 3 เปิดเผยว่า ลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เริ่มต้นคนร้ายโทรหาผู้เสียหาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่ง DHL (สาขาเชียงใหม่) ระบุมีสินค้าจำพวก พาสปอร์ต บัตรเอทีเอ็มและเสื้อผ้าที่จะส่งไปประเทศจีนติดค้างอยู่ที่ด่านศุลกากรไม่สามารถจัดส่งไปปลายทางได้ ผู้เสียหายแจ้งกลับไม่เคยส่งสินค้าดังกล่าว แต่คนร้ายพยายามสร้างความน่าเชื่อถือ โดยแนะนำสามารถโอนสายเพื่อติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง เชียงใหม่ ได้

แต่เมื่อโอนสายไปคนร้ายอีกคนแนะนำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ร.ต.อ. เป็นร้อยเวรของ สภ.เมืองเชียงใหม่ แนะนำให้แอดไลน์ของ สภ.เมือง เชียงใหม่ จากนั้นได้พูดคุยกันผ่านไลน์ ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นไลน์ของ สภ.เมือง เชียงใหม่จริง คนร้ายได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน ถ้าไม่อยากมีปัญหาจะให้ ปปง.ทำการตรวจสอบบัญชีผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายขอให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลบัญชีทั้งหมดและยอดเงินในบัญชี

ต่อมาคนร้ายได้ส่งต่อให้คุยกับคนร้ายอีกคนอ้างตัวเองเป็นสารวัตร โดยกล่าวอ้างเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินและจะส่งบัญชีของผู้เสียหายให้ ปปง. ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน จากนั้นคนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินทุกบัญชีที่ผู้เสียหายมีไปยังบัญชี น.ส.สมศรี เพื่อตรวจสอบบัญชีตรงกันหรือไม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อเป็นเจ้าหน้าที่จริงและเพื่อยืนยันตัวเองบริสุทธิ์ จึงโอนไปยังบัญชีดังกล่าว ต่อมาผู้เสียหายสงสัยจึงโทรกลับไปแต่ไม่สามารถติดต่อได้

หลังผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารขั้นตอนที่ 1 ได้โอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคาร ขั้นตอนที่ 2 และโอนต่อไปยังบัญชีธนาคาร ขั้นตอนที่ 3 ซึ่งบัญชี ขั้นตอนที่ 3 มีคนต่างด้าวเป็นเจ้าของบัญชีและอยู่ต่างประเทศโดยดำเนินการโอนเงินในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อให้ยากต่อการติดตามเส้นทางการเงิน

นอกจากนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้โอนเงินในลักษณะเดียวกันนี้อีก 4 รายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง กทม. ชลบุรี และเชียงใหม่ มูลค่าความเสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สืบสวน ภ.จ.นครราชสีมา พร้อมกำลังสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดเครือข่ายนี้เป็นคนไทย 4 คน หลบหนี 1 คน สอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินมีการโอนไปบัญชีต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้านมูลค่านับพันล้านบาท เนื่องจากมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์อีกหลายสิบราย

ผบช.ภาค 3 กล่าวต่อว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวังอย่าหลงเชื่อหากมีผู้โทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายแล้วแจ้งว่าบัญชีธนาคารของท่านเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และให้โอนเงินไปเพื่อตรวจสอบในลักษณะเดียวกันกับคดีนี้

เนื่องจากเป็นการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้ผู้อื่นนำไปทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ท่านจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย อย่าหวังสินทรัพย์ค่าจ้าง ล่าสุดทราบข้อมูลว่ามีการลักลอบจ้างเปิดบัญชีธนาคาร รายละ 1,000 -3,000 บาท สำหรับผู้ที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ขอให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน